เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ชั้น 3 อาคารศาลยุติธรรรม ถนนราชดำเนินใน นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ครั้งที่ 4/2568
ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ ดังนี้
1.เห็นชอบบัญชีโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตุลาการ ในวาระพิเศษ
ชั้น 4 สับเปลี่ยนตำแหน่ง (บัญชีวาระพิเศษ) แก้ไขจำนวน 3 ตำแหน่ง
เลื่อนชั้น 3 เป็นชั้น 4 และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง 1 ตำแหน่ง
ชั้น 4 สับเปลี่ยนตำแหน่ง (บัญชีวาระพิเศษ) 3 ตำแหน่ง
เลื่อนชั้น 3 เป็นชั้น 4 และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ที่ประชุม ก.ต.ยังพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้าราชการตุลาการ จำนวน 1 ราย กรณีไม่อุทิศเวลาของตนให้แก่ราชการ ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ กระทำการอื่นใดซึ่งความประพฤติหรือการกระทำดังกล่าวอาจทำให้เสียเกียรติศักดิ์แห่งตำแหน่งหน้าที่ราชการไม่อุตสาหะและอำนวยความสะดวกในหน้าที่ราชการ ไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของทางราชการและจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ ตามที่ ก.ต. กำหนด และไม่ยึดถือจริยธรรมและประเพณีอันดีของตุลาการ ทั้งไม่วางตนให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของบุคคลทั่วไป ตามมาตรา 58, 60 วรรคสอง, 62 และมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ประกอบประมวลจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ ข้อ 35 เป็นความผิดวินัยร้ายแรง เห็นควรลงโทษให้ออกจากราชการ
ที่ประชุมเห็นชอบเสนอแต่งตั้งให้นายธีรทัย เจริญวงศ์ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นกรรมการธุรกรรม ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
ที่ประชุมยังพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการ กรณีให้คำปรึกษาคดีความที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งพฤติการณ์เกินเลยไปกว่าการให้คำปรึกษาคดีความโดยทั่วไป และเกินความเหมาะสมที่ข้าราชการตุลาการควรพึงกระทำได้ ทั้งไปร่วมนั่งพิจารณาคดีโดยไกล่เกลี่ยคู่ความอันอาจทำให้คู่ความอีกฝ่ายสงสัยในความเป็นกลาง อันเป็นการไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของทางราชการและจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ ตามที่ ก.ต. กำหนด ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 62 และประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 31 วรรรคสอง เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง เห็นควรลงโทษภาคทัณฑ์
ที่ประชุม ก.ต.ยังพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม มีมติเห็นว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 2 ราย มีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่มีการพิจารณาลงโทษวินัยให้ออกผู้พิพากษาในต่างจังหวัดเป็นกรณีที่ละทิ้งเวรไปเที่ยวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
ส่วนผู้พิพากษาที่มีการให้คำปรึกษาคดีเกินเลยที่ให้ลงโทษภาคทัณฑ์เป็นอดีตผู้บริหารศาลระดับอธิบดีผู้พิพากษา ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในภาค 2
ในส่วนที่ประชุม ก.ต.มีมติเห็นว่าการกระทำของผู้พิพากษาจำนวน 2 ราย มีมูลความผิดวินัยร้ายแรงเมื่อสมัยเป็นผู้พิพากษาระดับอธิบดีผู้พิพากษา และระดับรองอธิบดีผู้พิพากษาในศาลขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ โดยถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้คู่ความ ในคดีฟ้องครอบครัวนักธุรกิจตระกูลดังฟ้องร้องกันเองในครอบครัวจนมีคดีแตกออกเป็นหลายคดี ซึ่งขั้นตอนต่อไปประธานศาลฎีกาก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป โดยนัดประชุม ก.ต. ครั้งที่ 5/2568 วันที่ 3 ก.พ.2568
สามารถเข้าดูมติ ก.ต.ได้ตามลิงก์ผลการประชุม ก.ต. ครั้งที่ 4/2568 ที่นี่..