ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่ จ.ลพบุรี มีปริมาณของค่า PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศไทย จึงได้มีการวางมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันการเกิดไฟป่า ลดการเผาลดหมอกควันให้กลับมาอยู่ในค่ามาตรฐาน โดยได้บูรณาการกับทุกภาคส่วนในการป้องกันและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับผู้กระทำความผิด เพื่อป้องกันลดการเผาที่จะทำให้เกิดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 หากพบว่ามีการกระทำผิดก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายกำหนด โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์
โดยนายปรัชญา เปปะตัง รอง ผวจ.ลพบุรี ได้เดินทางไปเป็นประธานและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปล่อยขบวนรถเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งมี นายสรณต ณ ศรีโต นายอำเภอท่าวุ้ง ได้นำคณะให้การต้อนรับ โดยพื้นที่อำเภอท่าวุ้งส่วนใหญ่จะมีเกษตรกรที่ทำนาข้าว สำหรับชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง มีภารกิจหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจป้องปรามและสร้างความเข้าใจให้แก่เกษตรกรในการลดการเผาวัชพืช หรือสิ่งอื่น ๆ ในที่โล่งแจ้ง ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาฝุ่นควัน และ PM 2.5 โดยปล่อยขบวนรถลาดตระเวน พร้อมกับมอบหมายให้นายอำเภอท่าวุ้งจัดทีมลงพื้นที่ไปตรวจสอบป้องกันปัญหาหมอกควัน รวมทั้งคำชี้แจงให้เกษตรกรนำฟางไปอัดก้อนแล้วไปจำหน่ายให้กับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ที่จะเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง ที่ทำให้ปัญหาหมอกควันลดลงได้
ทางด้าน นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ได้ลงพื้นที่ พร้อมด้วย น.ส.พรนิภา จิกแหล่ม เกษตรอำเภอเมืองลพบุรี ลงพื้นที่ไร่อ้อย ตำบลโคกตูม อำเภอเมืองลพบุรี เพื่อพบกับเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพปลูกอ้อย 305 ราย กินพื้นที่ 5,394 ไร่ ขอให้ดำเนินการลดการเผา พร้อมกับลงพื้นที่ไร่อ้อยตัวอย่างที่ใช้วิธีการตัดอ้อยสดเพื่อส่งโรงงาน โดยใช้รถตัดอ้อยในการเก็บเกี่ยวมีรถตัดอ้อยในพื้นที่กว่า 10 คัน
ขณะที่ทางเกษตรอำเภอเมืองลพบุรี ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการแปลงอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว โดยการอัดใบอ้อยเพื่อส่งโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง พร้อมกับได้ลงพื้นที่ไร่อ้อยดูการดำเนินการในการที่ใช้รถตัดอ้อยสดส่งโรงงาน รวมทั้งได้มีการนำรถมาเก็บใบอ้อยที่ตัดทิ้งไว้อัดเป็นก้อนส่งให้กับโรงงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยการลดการเผาใบอ้อยก่อนตัดที่เป็นบ่อเกิดปัญหามลพิษทางฝุ่น PM 2.5 ก็จะลดลง ซึ่งในวันนี้ในพื้นที่ลพบุรีค่า PM 2.5 ยังคงมีค่าของฝุ่นเกินค่ามาตรฐานอยู่
