อ. พญ.โยษิตา หมื่นแก้ว ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรดไหลย้อนว่า “กรดไหลย้อน” คือโรคทางเดินอาหารอีกหนึ่งชนิด เป็นภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปผ่านหลอดอาหารทำให้เกิดความผิดปกติของอวัยวะข้างเคียง เช่น กล่องเสียง ช่องคอ เกิดจากการทำหน้าที่ของกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารหย่อนตัวลง และมาจากพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา รับประทานอาหารรสจัด ทำให้เกิดอาการ แสบร้อนกลางอก โรคนี้สามารถพบได้ในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย หากปล่อยไว้เป็นระยะเวลานานอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อร่างกายของผู้ป่วยได้

อาการกรดไหลย้อน

  • เรอมีกลิ่นเปรี้ยว
  • แสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ขึ้นมาที่หน้าอกและคอ
  • กลืนลำบากคล้ายมีก้อนอยู่ในคอ
  • ท้องอืด แน่นท้อง
  • คลื่นไส้หรืออาเจียน
  • เสียงแหบ เจ็บคอ
  • มีเสมหะในคอตลอดเวลา

ปัจจัยเสี่ยงกรดไหลย้อน

กรดไหลย้อนมักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมซึ่งเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน ได้แก่

  • น้ำหนักที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน
  • รับประทานอาหารและนอนทันที
  • ความเครียด
  • การรับประทานอาหารรสจัดมากเกินไป
  • ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • สูบบุหรี่จัด

กรดไหลย้อนเสี่ยง มะเร็งหลอดอาหาร จริงหรือไม่?

เมื่อผู้ป่วยมีอาการกรดไหลย้อนจะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังบริเวณหลอดอาหาร บริเวณกล่องเสียง และช่องคอ หากผู้ป่วยมีอาการอักเสบเรื้อรังเป็นเวลานานจะส่งผลให้เซลล์บริเวณเยื่อบุผิวของหลอดอาหารมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยส่วนใหญ่จะไม่สามารถพัฒนาไปเป็นมะเร็ง แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า ภาวะหลอดอาหารบาร์เรตต์ ซึ่งนำไปสู่การเกิดมะเร็งหลอดอาหารได้

วิธีการรักษาเบื้องต้นเมื่อเป็นกรดไหลย้อน

  • ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น งดอาหารมันหรือทอด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การกินอย่างไร ? เมื่อเป็น โรคกรดไหลย้อน 
  • งดน้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต ชา หรือกาแฟ
  • รับประทานอาหารให้อิ่มพอดี
  • รักษาด้วยยา ได้แก่ ยาที่ยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน

วิธีป้องกัน กรดไหลย้อน

  • ไม่รับประทานอาหารมากหรืออิ่มจนเกินไปในแต่ละมื้อ
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่เพิ่มความเป็นกรด เช่น น้ำมะนาว
  • ไม่สวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >>> ไม่อยากเป็น โรคกรดไหลย้อน ทำตามนี้

กรดไหลย้อนไม่ควรปล่อยไว้จนกลายเป็นภาวะเรื้อรัง อาจทำให้เกิดแผลรุนแรงจนกระทบต่อหลอดอาหาร ดังนั้นหากผู้ป่วยมีอาการเบื้องต้นที่บ่งบอกว่าเป็น กรดไหลย้อนควรรีบเข้ารับการรักษากับทางแพทย์เพื่อป้องกันภาวะเรื้อรังที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย