เมื่อวันที่ 30 ม.ค. เรื่องราวของครอบครัวหนึ่งในประเทศจีน ยังคงได้รับความสนใจและความเห็นอกเห็นใจอย่างมาก เมื่อถูกโพสต์บนเว็บไซต์ข่าว Sohu ซึ่งลูกเขยถูกเรียกว่า “ปรสิตของครอบครัวภรรยา”

โดยเจ้าของโพสต์ เล่าว่า สามีของฉันเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตเร็ว เขาเป็นลูกคนโต เขาจึงต้องดูแลทุกอย่างในครอบครัวและหาเงินมาเลี้ยงดูน้องชาย และฉันเกิดมาในครอบครัวที่มีสติปัญญาและมั่งคั่ง ทั้งพ่อและแม่ของฉันเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หลังจากเราทั้งคู่รักและตัดสินใจแต่งงานมาระยะหนึ่ง ฉันก็พาเขากลับบ้านเพื่อพบกับครอบครัว แต่พ่อแม่ของฉันคัดค้านอย่างรุนแรง ด้วยความมุ่งมั่นของฉัน พ่อแม่ของฉันก็ยอมให้เราทั้งคู่แต่งงานกัน แต่ต้องการให้สามีอยู่เป็นลูกเขย เพราะกลัวว่าเมื่อกลับไปบ้านสามีคงลำบาก

ในช่วงเวลาที่เขาอาศัยอยู่ในบ้านของฉัน แม้ว่าเขาจะทำงานเป็นพ่อครัวและทำงานหนัก แต่สามีของฉันก็มักจะต้องทนกับคำวิจารณ์ใส่ร้ายว่าเป็นคนมาแต่ตัว จากญาติและเพื่อนบ้าน ตอนแรกทั้งพ่อแม่และพี่น้องปฏิบัติต่อสามีอย่างเย็นชา และมักขอให้เขาช่วยทำงานบ้าน แต่เมื่อเวลาผ่านไป การทำงานหนักและความซื่อสัตย์ของสามีฉันโดนใจทุกคน พ่อเริ่มดื่มชาและคุยกับสามีบ่อยขึ้น และแม่ก็เริ่มสนใจลูกเขยทุกครั้งที่กลับจากที่ทำงาน

เมื่อพ่อแม่อายุมากขึ้น โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นบ่อยขึ้น แต่ฉันกับพี่น้องมาเยี่ยมแค่ไม่กี่ครั้งต่อปี แม้ว่าพ่อจะเข้าโรงพยาบาล

ในปี 2561 พ่อของฉันเสียชีวิตด้วยอาการป่วย ก่อนหน้านั้นเขาต้องล้มป่วยเป็นเวลา 4 ปี ฉันต้องลาออกจากงานเพื่ออยู่บ้านดูแลพ่อ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น สามีของฉันยิ่งยุ่งมากขึ้น ต้องวิ่งกลับไปกลับมาเพื่อดูแลทุกอย่าง ในตอนกลางวันสามีของฉันไปทำงาน และตอนกลางคืนเขาไปโรงพยาบาลเพื่อดูแลพ่อตา

เมื่อเห็นสามีของฉันยุ่ง ผู้คนในโรงพยาบาลเดียวกัน ก็ชื่นชมพ่อของฉันที่มีลูกกตัญญู เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อของฉันก็สงบลงทันที ซึ่งพ่อคิดว่า “ความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของคือการให้กำเนิดลูกที่เห็นแก่ตัวและเย็นชา 3 คน แต่สิ่งที่โชคดีที่สุดคือได้พบกับลูกเขยผู้กตัญญูคนนี้ เขาไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ  แต่เขาเป็นมากกว่าลูกชายแท้ๆ ของฉัน”

หลายครั้งฉันบอกสามีให้ลดเวลานอนโรงพยาบาลกับพ่อลง เพราะกลัวจะเหนื่อยมาก แต่เขาบอกว่า “ผู้สูงอายุต้องได้รับความเอาใจใส่อย่างมาก พ่อเสียใจมากที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ถ้าไม่มีญาติไปเยี่ยมเขาคงยิ่งหดหู่ใจมากขึ้น” สิ่งนี้ทำให้ฉันน้ำตาไหล

ในช่วงสุดท้ายของชีวิตพ่อ สามีของฉันคอยอยู่เคียงข้างและดูแลเขาเสมอ ก่อนที่เขาจะจากไป พ่อบอกให้ฉันปฏิบัติต่อสามีให้ดี เพราะเขาเสียสละเพื่อครอบครัวนี้มามาก มากกว่าญาติทางสายเลือดของเขา

หลังจากที่พ่อของฉันจากไปด้วยความโศกเศร้ามากมาย สุขภาพของแม่ก็แย่ลงไปด้วย ฉันดูแลลูกและแม่ไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นบางครั้งฉันก็รู้สึกเหนื่อย แต่พอโทรฯ ไปขอความช่วยเหลือพี่สาว ก็ได้รับคำตอบว่างานยุ่งมาก จึงไม่มีเวลาดูแลแม่ ครอบครัวของน้องชายก็ไม่อยากต้อนรับแม่มาอยู่ด้วย เพราะกลัวจะเข้ากันไม่ได้กับพี่สะใภ้ สุดท้ายฉันและสามีก็ยังคอยดูแลแม่

เมื่อแม่ของฉันเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายน 2019 เธอทำพินัยกรรมมอบเงินออมทั้งหมด 1.5 ล้านหยวน และบ้านพ่อแม่ของเธอให้กับสามีของฉัน เมื่อพี่น้องของฉันทราบข่าว ก็ไม่ยอมรับและเรียกร้องส่วนแบ่งมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้

ในเวลานี้ สามีของฉันซึ่งสุภาพอ่อนโยนอยู่เสมอ จู่ๆ ก็เข้ามาในห้องและหยิบเอกสารกองหนึ่งออกมา และมอบเอกสารกองหนึ่งให้พวกเขา หลังจากเห็นเอกสารเหล่านั้น ทุกคนก็เงียบและไม่กล้าพูดอีก ทั้งหมดนี้เป็นเวชระเบียน บันทึกการรักษาในโรงพยาบาล และใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลของพ่อแม่ฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ในช่วงเวลาที่ลูกๆ ของเขาละเลยและไม่สนใจ พ่อของฉันไปโรงพยาบาล 20 ครั้ง พักรักษาตัวในโรงพยาบาลรวม 206 วัน และใช้เงินไป 650,000 หยวน แม่เข้าโรงพยาบาล 10 ครั้ง และพักรักษาตัวในโรงพยาบาลรวม 90 วัน…

ค่ารักษาพยาบาลไม่เพียงแต่มีจำนวนมากเท่านั้น แต่ในวันสุดท้ายของชีวิต สิ่งที่พ่อแม่ของฉันต้องการมากที่สุดคือความเอาใจใส่จากลูกๆ ของพวกเขา แต่พี่น้องของฉันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ก่อนที่เขาจะสิ้นลมหายใจ พ่อแม่ของฉันก็ถือว่าสามีของฉันเป็นบุตรชายแท้ๆ

ขอบคุณเว็บไซต์ soha