เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการรับมือกรณีที่สหรัฐอเมริกาตัดงบสนับสนุนโรงพยาบาลในค่ายผู้ลี้ภัย 9 แห่งในไทย ว่า รัฐบาลก็ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้เช่นกัน เพราะเราเป็นประเทศหนึ่งในผู้ช่วยเหลือ ซึ่งส่วนที่ดำเนินการในเรื่องนี้คือคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไออาร์ซี) และองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งในความรับผิดชอบของเรา ก็จะดูแลช่วยเหลือตามศักยภาพที่จะช่วยได้ แต่ยูเอ็นได้ประกาศเรื่องนี้ว่าจะจัดการภายใน 3 เดือนที่จะเจรจากับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จึงเป็นเรื่องของยูเอ็น ไม่ใช่เรื่องของเรา โดยเราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่
 
เมื่อถามถึงว่่ากรณีที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม มีข้อเสนอให้รับรองผู้ลี้ภัยสามารถทำงานถูกกฎหมายในประเทศไทย จะเป็นแนวทางที่ทำได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนได้รับฟังข้อเสนอจากนายกัณวีร์และพรรคประชาชน แต่อยากให้มองความเป็นจริง อยู่ๆ มาบอกให้เราไปรับรองทั้งหมด เราจะแบกไหวไหม ถามประชาชนคนไทยว่าจะเอาหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการคิดดี แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำได้ ข้อเสนอแบบนี้ไม่ควรจะเป็นข้อเสนอที่มาช่วยกันคิดจริงๆ เพราะเป็นข้อเสนอที่เหมือนกับว่ารัฐบาลไม่ได้ดูแล แต่ถ้าทำเช่นนั้นปัญหาจะตามมาอีกมาก หรือแม้กระทั่งที่ตนเห็นพรรคประชาชน และนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ออกมาให้ความเห็น ตนก็อยากให้คิดบวก อย่าคิดว่าอะไรเป็นปัญหาหมด และรัฐบาลต้องรับผิดชอบ เพราะรัฐบาลก็รับผิดชอบอยู่แล้ว โดยได้ดึงความร่วมมือในทุกส่วน ทั้งภาคประชาชนและในพื้นที่มาช่วยกัน หรือบางเรื่องที่ นายปิยรัฐ จงเทพสส.กทม.พรรคประชาชน ออกมาโพสต์กรณีผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน ตนอยากให้คิดบวก คุยกันแล้ว ช่วยกันทำงานจริงๆ เพราะในระดับรัฐมนตรีมีการพูดคุยกันแล้วกับหลายกระทรวง ซึ่งไม่ต้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปเดินเรื่องทั้งหมด
   
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทางผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน ได้มีการประสานการทำงานกับระดับบนเรียบร้อยก็ถือว่ามีการทำงาน ซึ่งอยากให้ศึกษาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนแล้วค่อยวิจารณ์ อย่าใช้บรรยากาศอย่างนี้แล้วมาวิจารณ์ เพื่อทำให้รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ อยากให้เอาข้อมูลให้ครบถ้วน ถ้าบอกว่าเรื่องนี้ยังมีปัญหา มีปัญหาอะไรหรือไม่ ควรจะถามคำถามแบบนี้มากกว่าที่จะบอกว่าเข้าใจเหลือเกิน มองดูแล้วรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย อันนี้ไม่บวก อยากให้คิดบวกบวกให้มากกว่านี้
  
นายภูมิธรรม ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ทางหน่วยงานสิทธิมนุษยชน เรียกร้องไม่ให้มีการส่งตัวชาวอุยกูร์ที่ถูกคุมขังในประเทศไทยกลับประเทศจีน ว่า ก็เป็นความต้องการของแต่ละฝ่าย แต่ที่สำคัญต้องยึดถือฝ่ายไทย ซึ่งเราคำนึงถึงสิทธิ เอกราชอธิปไตยของเรา และเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และข้อตกลงที่มีอยู่ ที่เราจะดำเนินการจัดการทุกอย่าง เช่น ทางชาวอุยกูร์เข้าเมืองผิดกฎหมาย เราก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย แต่ตอนนี้เราก็มีปัญหาที่ทางต่างประเทศส่งมาถึง เรื่องที่ทางชาวอุยกูร์เข้าเมืองผิดกฎหมาย ก็ไม่ควรจับแบบนี้จับเขามาขังนาน 10 ปีแบบนี้ ซึ่งเป็นปัญหาที่เราต้องหาทางออก ได้มีการส่งตัวไปยังประเทศที่ 3 จำนวน 100 กว่าคน เป็นผู้หญิงและเด็ก ถูกส่งไปยังประเทศตุรกี และกว่า 10 ปี ก็ยังไม่มีการส่งตัวเลย เราก็ต้องดำเนินการตรงนี้ให้ชัดเจน ซึ่งทั้ง 2 ด้านมีปัญหาทั้งสิ้น ต้องดูว่าจะทำตรงไหนให้ได้อย่างไร สิ่งที่สำคัญต้องทำตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเข้มงวด และต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน แล้วข้อตกลงที่ว่า เราต้องไม่ส่งใครไปในพื้นที่อันตราย ตรงนี้ยังเป็นหลักของรัฐบาลไทยอยู่ ขออย่ากังวล
  
ส่วนจะทำอะไรหรือไม่อย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องแบบนี้ไม่คุยกันผ่านสื่อ คุยกันผ่านสื่อก็ไม่ต้องแก้ปัญหา ซึ่งเรื่องนี้เรายืนยันทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ตามหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าใครก็มากดดันเราไม่ได้