เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ทำการพรรคพลัง กรุงเทพมหานคร นายวิสิทธิ์ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังและผู้ก่อตั้งพรรคพลัง กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ถือฤกษ์งามยามดีเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ ทำให้เกิด Demand&Suppy ระบบหมุนเวียนภายในประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 2019 กำหนดเขตพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวและพื้นที่สีฟ้าอันหมายถึงให้สามารถรวมตัวทำกิจกรรมและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และได้ประกาศยกเลิกการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในเขตพื้นที่ดังกล่าว ทำให้สามารถดำเนินการจัดประชุมได้เต็มรูปแบบ
อีกทั้ง พรรคพลังยังดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดำเนินการเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้าย คือ จัดประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1 เพื่อให้สมาชิกรับรองร่างข้อบังคับ โลโก้พรรคและเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคพลัง ชุดที่ 1 วาระ พ.ศ. 2564-2568 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2563 เพื่อยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียน กกต.เพื่อเห็นชอบและมติรับรองเพื่อให้เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน รวมทั้งประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามที่พรรคพลังได้กำหนดขั้นตอนและวิธีการเพื่อเตรียมคัดเลือกส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.เขตเลือกตั้งทุกเขตเลือกตั้ง จำนวน 400 เขตและ สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งจะต้องดำเนินการขั้นตอนทางทะเบียนให้เสร็จสิ้น จึงเห็นควรกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 27 พ.ย. ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดี กทม.
นายวิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ถามว่ามีการวางตัวใครนั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค มีคุณสมบัติ ลักษณะอย่างไรหรือไม่นั้น ขอบอกว่า บุคคลที่จะมานั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น ขออุบชื่อไว้ก่อน แต่มีคุณสมบัติเป็นที่ยอมรับได้ มีภาวะผู้นำสูง ซึ่งได้วางตัวไว้แล้ว และจะนำชื่อนำเสนอต่อที่ประชุมเพื่อให้สมาชิกรับรองรายชื่อบุคคลดังกล่าวและเสนอโหวตแข่งขันเพื่อให้สมาชิกโหวตต่อไป ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งวิธีการเลือกตั้ง จะเป็นโหวตโดยเปิดเผย ส่วนเลขาธิการพรรค ตามที่สื่อมวลชนเคยนำเสนอ ยังไม่ทราบว่า ใครจะเข้าวิน หรือมีม้ามืด ของกลุ่มอำนาจในพรรค กลุ่มการเมืองใดจะนำเสนอแข่งขัน ซึ่งจะมานั่งเป็นแม่บ้านของพรรค แต่มั่นใจว่า ผลการเลือกตั้งแล้ว ประชาชนยอมรับได้
ส่วนที่ถามว่าโครงสร้างของพรรคมีคณะกรรมการจำนวนกี่ท่านนั้น ขอตอบว่า ตามโครงสร้าง ยุทธศาสตร์พรรคได้กำหนดไว้ 36 ท่าน มีการวางตัวทั้งหมดแล้ว แต่อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมือง ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า การเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้ง ระบบบัตร 2 ใบ พร้อมสู้หรือไม่ นายวิสิทธิ์ฯ กล่าวว่า ไม่ว่าจะบัตรใบเดียวหรือบัตร 2 ใบ แยกระหว่าง เลือกคน เลือกพรรค ย่อมเป็นผลดีเพราะยุทธศาสตร์พรรคพลังเน้นการคัดสรรบุคคลที่คุณภาพ มีความรู้ ความสามารถเพื่อส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยพรรคพลังมีเป้าประสงค์ ส่งชนศึก 400 เขตเลือกตั้งเพื่อเป็นตัวแทนของพี่น้องของประชาชนสัดส่วนในสภา และพรรคพลังจะปักธงทุกภาคของประเทศ และอายุสภา ยังพอมีเวลาที่จะเตรียมความพร้อมในการคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้งและตัวตัวแทนระดับภาค และระดับจังหวัด หากดูแนวทางกฎหมายลูกแล้ว อ่านเกมขาดว่า น่าจะยกเลิกระบบไพรมารีโหวตเพราะไม่เหมาะสมกับระบบรัฐสภา
การเปิดประเทศ ภายใต้สถานการณ์โควิด เหมือนกับในต่างประเทศ เป็นการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ ซึ่งพรรคพลังจะเปิดแคมเปญ ภายใต้สโลแกนว่า ”เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ คนแก้ต้องพรรคพลัง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมาถึงจุดตกต่ำ ย่ำแย่ ทำให้คนตกงาน ผู้ประกอบการหมดตัว การเปิดประเทศ การ์ดต้องไม่ตก เพราะโรคระบาดไวรัสโคโรนาหรือโควิด 2019 ยังไม่หมดไป สถิติผู้ติดเชื้อวันนี้ 7,574 ราย ผู้เสียชีวิต 78 ราย แม้การเปิดประเทศเหมือนในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโรคระบาดดังกล่าว ขอให้พี่น้องประชาชน ยังต้องใช้ความระมัดระวังเหมือนเดิม.