นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ลงนามความร่วมมือในการปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคจากสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานบนแพลตฟอร์ม อี คอมเมิร์ซ กับหน่วยงานภาครัฐ และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ 16 หน่วยงาน เพื่อสร้างความร่วมมือในการกำกับดูแลสินค้าที่วางขายบนแพลตฟอร์ม และสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนไม่ให้ซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย โดยหากพบสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน จะให้ปลดลงจากแพลตฟอร์มห้ามจำหน่ายโดยทันที
“ความร่วมมือครั้งนี้ มาจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มชั้นนำที่จำหน่ายสินค้าในไทย 16 แห่ง ได้แก่ อย. สคบ. สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการค้าต่างประเทศ บิ๊กเอ็กซ์โชว์ อีเบย์ ลาซาด้า ไลน์ ชอปปิง เน็กซ์ เจน คอมเมิร์ซ น็อกน็อก ช้อปปี้ เทมู และติ๊กต็อก ชอป”

สำหรับ สถิติการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค้า อาทิ อาหารและยา หรือ อย. สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. และกรมศุลกากร ที่กำกับดูแลสินค้าที่นำเข้ามาในประเทศในช่วง ต.ค.-ธ.ค. 67 สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว 16,651 คดี มูลค่าความเสียหายรวม 984 ล้านบาท และจากการดำเนินงานที่เข้มงวดของคณะกรรมการฯ ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศจากทั่วโลกผ่านอี-คอมเมิร์ซ (ก.ค.-ธ.ค. 67) ลดลง 8% เหลือเฉลี่ยเดือนละ 3,645 ล้านบาท จากเดิมก่อนมีมาตรการ ช่วงเดือน ม.ค.-มิ.ย. 67 เฉลี่ยเดือนละ 3,957 ล้านบาท
นายพิชัย กล่าวว่า หลังประกาศเจตจำนงแล้ว หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จะบูรณาการความร่วมมือในการปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคจากสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพเพิ่ม เช่น การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ถึงการซื้อขายสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานและถูกกฎหมายให้เข้าถึงผู้บริโภคและผู้ประกอบการออนไลน์ในวงกว้าง รวมทั้งการจัดทำแนวปฏิบัติที่ดีในการกำกับดูแลสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อให้หน่วยงานมีแนวทางการทำงานร่วมกันที่ชัดเจน สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ธุรกิจออนไลน์ในอนาคตจะโตขึ้นเรื่อย ๆ เราต้องเซตระบบให้มีมาตรฐาน มีคุณภาพ งานนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทุกภาคส่วนจะได้ประโยชน์ และวันที่ 3 ก.พ. 68 จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อหารือเรื่องนโยบายด้านมาตรการภาษีกับสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องที่เราให้ความสนใจ วันนี้ผมได้หารือกับหอการค้าไทยที่มาให้ข้อมูลให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าได้โดยไม่มีอุปสรรค เชื่อว่ายังสามารถเจรจาโดยได้มีการนัดหมายกับหลายฝ่าย ทั้ง สส. วุฒิสมาชิกสหรัฐ”
ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยดีมาก การส่งออกปี 67 เราโตถึง 5.4% และมีการขอส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 1.13 ล้านล้านบาท ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนที่ไหลเข้ามา ที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าปีนี้การส่งออกไทยจะดีขึ้น แต่ที่ยังมีปัญหาคือเรื่องหนี้เก่าที่เกิดจากเศรษฐกิจตกต่ำมานาน และเรื่องค่าเงินที่เริ่มแข็งค่า ต้องช่วยกันให้ประเทศเราหลุดพ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลาง