แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า สคบ. ได้ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่องให้ธุรกิจการขายห้องชุดที่มีการจองเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและแบบสัญญามาตรฐานสัญญาจองห้องชุด พ.ศ. 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 31 ม.ค. 68 นี้ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการควบคุมสัญญาการจองซื้อคอนโดมิเนียม เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบเกินไปในการจองคอนโดมิเนียม และการบอกเลิกสัญญาจะต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้บริโภครับทราบ รวมถึงเพิ่มเติมรายละเอียดอื่นๆ ให้ครอบคลุมจาก พ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ หากพบว่ามีความผิด จะต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับผู้ประกอบธุรกิจเปิดขายห้องชุด โดยมีการทำสัญญาจอง 1 ชุด กับผู้บริโภค จะต้องจัดทำสัญญาจองห้องชุดตามแบบสัญญามาตรฐานสัญญาจองห้องชุดเมื่อผู้บริโภคเข้าจองห้องชุด โดยสัญญาจองจะต้องใช้ข้อความเป็นภาษาไทย ที่สามารถเห็นและอ่านได้อย่างชัดเจน มีขนาดตัวอักษรไม่เล็กกว่า 2 มิลลิเมตร มีจำนวนตัวอักษรไม่เกิน 11 ตัวอักษรใน 1 นิ้ว

และห้ามใช้ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม เช่น ข้อสัญญาที่เป็นการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิด ที่เกิดจากการผิดสัญญาของผู้ประกอบธุรกิจ ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจเปลี่ยนแปลงสัญญาหรือเงื่อนไขต่างๆ โดยทำให้ผู้บริโภคต้องรับภาระเพิ่มขึ้น ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจ บอกเลิกสัญญากับผู้บริโภคโดยไม่ต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือ หรือเมื่อผู้บริโภคมิได้ผิดสัญญา ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย PDPA เป็นต้น

ขณะเดียวกันผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดทำสัญญาตามแบบสัญญามาตรฐานสัญญาจองห้องชุดขึ้น 2 ฉบับ ซึ่งมีข้อความถูกต้องตรงกัน โดยผู้ประกอบธุรกิจต้องส่งมอบสัญญาณ 1 ฉบับ ให้แก่ผู้บริโภคทันทีที่ลงนามในสัญญา ขณะที่กรณีที่มีการขายห้องชุด ที่มีการจองผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ประกอบธุรกิจ ต้องจัดทำสัญญาตามแบบสัญญามาตรฐาน สัญญาจองห้องชุดให้มีข้อความภาษาไทยที่สามารถเห็นและอ่านได้อย่างชัดเจนตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม กรณีที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นคนกลางในการขายห้องชุดที่มีการทำสัญญาจองห้องชุดกับผู้บริโภค จะต้องส่งมอบสัญญาจองห้องชุดตามแบบสัญญามาตรฐานสัญญาจองห้องชุดให้แก่ผู้บริโภค