เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกนายก อบจ. ซึ่งพรรคประชาชนชนะที่ จ.ลำพูน  เพราะมีคนที่มาใช้สิทธิค่อนข้างเยอะ จึงกลายเป็นการตอกย้ำว่าพรรคประชาชนแพ้ตั้งแต่เริ่มแข่ง เพราะมีข้อเสียเปรียบเยอะใช่หรือไม่ ว่า ไม่อยากให้โทษว่าเป็นประเด็นใดประเด็นหนึ่ง อย่างการแถลงตั้งแต่ครั้งแรก เรายืนยันว่า จำนวนของคนที่ออกมาแสดงพลังจะเป็นประโยชน์ที่สุดต่อการเลือกตั้ง แต่ขณะเดียวกัน เราเองอาจจะยังรณรงค์ไม่แข็งขันมากเพียงพอ ที่จะทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม การจัดการเลือกตั้งให้มีความโปร่งใส ยุติธรรม และประชาชนสะดวกในการออกมาใช้สิทธิมากที่สุด ก็เป็นหน้าที่ของ กกต. และหากความผิดปกติ ก็จะดำเนินการต่อไป

ส่วนการเปิดหลักฐานเพิ่มเติม หากว่าพบว่ามีความผิดปกตินั้น จะมีการร้องเพิ่มเติมหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การยื่นเรื่องเข้ามาแล้วประมาณ 30 เรื่อง และมีการส่งให้ผู้สมัครไปยื่นเรื่องต่อแล้ว และตอนนี้มีเรื่องแจ้งเข้ามาเรื่อยๆ โดยกำลังตรวจสอบ อยู่ระหว่างการดำเนินการ และเรื่องหลักๆ เป็นกระบวนการการเลือกตั้ง อย่างในจังหวัดสมุทรปราการ ผู้มาใช้สิทธิลดลง ถือว่าเป็นกรณีที่ผิดปกติ และขอให้รอติดตามดูต่อไป

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาชนตั้งเป้าจะได้ 4 หัวเมือง แต่ตอนนี้ได้เพียง 1 จังหวัด ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า  ตนเองไม่เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น กรณีตัวอย่างของ อบจ.ลำพูน จะเห็นว่า ทันทีที่เราทราบผลการเลือกตั้งอย่างชัดเจน เราพร้อมที่จะลงมือทำงานทันที ไม่ต้องรอให้นายวีระเดช ได้รับการรับรองตำแหน่ง เราพร้อมที่จะส่งทีมงานไปทำงานในพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ ใน จ.ลำพูน และก่อนถึงเดือน พ.ค.ที่จะเป็นฤดูกาลที่ทางนายกฯ จะต้องเสนอร่างงบประมาณประจำปี 69 ตอนนั้นเราจะมีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม และปัญหาต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดลำพูน ส่วนไหนที่เราสามารถบรรจุได้ในงบเพิ่มเติมกลางปี 68 ส่วนไหนที่เราบรรจุในงบประมาณปี 69 เราก็พร้อมให้ประชาชนทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของเรา

เมื่อถามว่าการชนะในพื้นที่ จ.ลำพูน เพียงจังหวัดเดียว จะเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับผู้สมัครครั้งต่อไปหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้กดดัน จริงๆ แล้วเราทำนโยบายมาก่อนแล้วว่า 4 ปีภายใต้กรอบงบประมาณ เราจะทำอะไรได้บ้าง มันตั้งอยู่บนความเป็นไปได้ ซึ่งถือว่าไม่กดดัน และทำได้อย่างแน่นอน

เมื่อถามว่ากรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยบนเวทีว่า “แดงกินส้ม” ผลการเลือกตั้งตอนนี้สะท้อนตามวลีที่นายทักษิณพูดหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จริงๆ ตนเองคิดว่าแล้วแต่การตีความ ว่าการกินส้มหมายถึงยังไง เพราะส้มเองก็เป็นผลไม้มงคล และที่ จ.ลำพูน เอง ก็เป็นสนามหลักที่ตนเองคิดว่าเราจะสามารถพิสูจน์ฝีมือให้ทุกคนเห็น และการทำงานการเมืองที่มีคุณภาพ ทำงานอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา นำเสนอนโยบายให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนเห็นได้ น่าจะเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการที่เราโยนวลีใส่กันไปมา และใส่สื่อมวลชนผ่านหน้าสื่อ

เมื่อถามว่าการที่นายทักษิณ ลงพื้นที่หาเสียงก็ไม่ได้ชนะทุกเวที ถ้ามองในการเมืองภาพใหญ่ นายทักษิณยังถือว่ามีมนต์ขลังหรือไม่ในการเลือกตั้ง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หากภาพรวมการเลือกตั้งทั้งประเทศ ต้องบอกว่าสัดส่วนที่ได้มากสุด คือผู้สมัครที่ประกาศลงในนามอิสระ ไม่สังกัดพรรคการเมืองใดโดยตรง  แต่เราก็จะรู้ตามหน้าสื่อมวลชนอยู่แล้ว ว่าผู้สมัครใดที่สังกัดพรรคการเมืองใดในเบื้องหลัง เพราะฉะนั้น ในมุมหนึ่งตนเองคิดว่าสิ่งที่ตอนนี้เราเห็นเรื่องการไม่เต็มที่กับการกระจายอำนาจของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคแกนนำของรัฐบาล อาจจะเกิดขึ้นได้จากการแข่งขันในสนามการเมืองท้องถิ่นหรือไม่ ในระหว่างพรรครัฐบาลด้วยกันหรือไม่ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เราจะต้องช่วยกันตั้งคำถามต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันที่ 3 ก.พ.นี้ นายณัฐพงษ์ และคณะจะลงพื้นที่ด่วน เพื่อขอบคุณประชาชนชาวลำพูน ที่มอบความไว้วางใจให้ว่าที่นายก อบจ. และจะมีกำหนดการประชุมหารือร่วมกับทีมพรรคประชาชน เพื่อร่างแผนงานในการผลักดันนโยบายท้องถิ่นต่อไป.