เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2568 ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ทำหนังสือถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ว่า ขอให้ขยายผลคดีของนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม และพวกทั้งหมด 7 เรื่องด้วยกัน เนื่องด้วยชมรมสันติประชาธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายเกี่ยวกับการกระทำของนายฟิล์ม รัฐภูมิ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ กรณีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดคลิปเสียง 20 ล้าน คดีดิไอคอน และกรณีธุรกิจที่เกี่ยวกับพี่ชายของนายฟิล์ม คือ นายภูริทัต โตคงทรัพย์ และธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า อย่างกรณีที่สำคัญ คือ คดีดิไอคอน ที่ขณะนี้ได้มีการทยอยสั่งฟ้องต่อศาลผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องดังความปรากฏต่อสาธารณชนไปแล้วนั้น ก็มีผู้เสียหายได้ประสานมายังตนเพื่อขอให้เร่งรัดติดตามคดีให้ส่งฟ้อง เนื่องจากขณะนี้ คดีได้อยู่ในการดําเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่มีผู้เสียหายได้พบว่ามีการให้สัมภาษณ์ของนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความของนายรัฐภูมิ ในลักษณะที่อาจจะชี้นําให้ประชาชนเข้าใจผิดและเป็นการแก้ต่างนอกศาลหรือไม่ และยังให้สัมภาษณ์สื่ออีกหลายกรรมหลายวาระ ทําให้ผู้เสียหายไม่สบายใจที่ทนายความให้ความเห็นชี้นําสังคม ในลักษณะเหมือนตัดสินคดีแทนศาล ทั้งที่คดีหลักได้เข้าสู่กระบวนพิจารณาคดีของศาลแล้วจึงอาจเข้าข่ายผิดมรรยาททนายความหรือไม่ จึงขอร้องเรียนมา เพื่อประสานงานไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมให้ติดตามพฤติกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว พร้อมเร่งรัดดําเนินการส่งฟ้องบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ยังลอยนวลให้ทันท่วงที และป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาหรือบุคคลใดมาชี้นําด้อยค่าหรือลดทอนน้ำหนักของคดีที่ยังดําเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
“โดยเฉพาะ รมว.ยุติธรรม ซึ่งเป็นสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความฯ โดยตําแหน่ง ได้กรุณาติดตามการกระทําในลักษณะดังกล่าวของทนายความบางคนในอรรถคดีนี้ เพื่อไม่ให้เข้าข่ายการละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” นายแทนคุณ กล่าว
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ 2 เป็นกรณีผู้เสียหายในคดีที่ตนเคยพาผู้เสียหายไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นคดีที่ถูกชักชวนลงทุนเกี่ยวข้องกับบริษัท ออสซี่ออยล์เอนเนอร์ยี่ จํากัด ซึ่งมีการกระทำที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงบุคคลที่มีลักษณะในการชักชวนให้มีการลงทุน ซึ่งมีพฤติกรรมเหมือนกับกรณีผู้ชักชวนให้ลงทุนเหมือนของดิไอคอน กรณีที่ 3 ตนยังได้รับร้องเรียนจาก น.ส.วัชรี ศิเร่ราช ซึ่งมีการชวนลงทุน ที่ จ.ตรัง ให้เปิดโบรกเกอร์ ฟอเร็กซ์ ที่ดูไบ ซึ่งไม่ได้มีการรับรองตามกฎหมายจนสูญเงินเป็นจํานวนมาก ซึ่งเป็นธุรกิจของนายภูริทัต พี่ชายของนายฟิล์ม แต่มีการให้ข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า กรณีที่ 4 คือ นางกัญญาลัคน์ ภัคเครือพันธุ์ ได้ร้องเรียนว่า ได้ให้เงินยืมกับผู้บริหารบริษัท เพย์ออล ระบุกู้ยืม จํานวน 1.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 โดยอ้างว่าจะใช้คืน แต่มีการใช้คืนไปเพียงบางส่วน ยังเหลืออีกจํานวนหนึ่ง กรณีที่ 5 ซึ่งเป็นของนายกฤตชัย เลิศปราการณ์ชัย ได้มาร้องเรียนตนเกี่ยวกับบริษัท ไอเพย์ออล ที่มีนายภูริทัต พี่ชายนายฟิล์ม เป็นผู้บริหารว่าได้ถูกชักชวนลงทุนโดยทําสัญญารับผลประโยชน์ แต่ได้ไม่ครบตามสัญญา กรณีที่ 6 ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้เสียหายที่ถูกชักชวนให้ซื้อขายเหรียญเอเซียน เอฟินเทค หรือ A-Fin Coin ของบริษัทสยามอินเตอร์การประมูล โดยนายสิทธิ์ศักดิ์ มหาสิทธิวัฒน์ ผู้ที่เริ่มโครงการดังกล่าว โดยมีการชวนลงทุน ซึ่งมีหลักฐานจากผู้เสียหายว่ามี ศิลปินบางคนไปร่วมกิจกรรมในการดําเนินการ และไม่ใช่แค่พรีเซ็นเตอร์เท่านั้น และกรณีที่ 7 มีผู้เสียหายมาร้องเรียน เพราะเกรงว่าบุคคล กลุ่มบุคคล บริษัท จะมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องในหลายรูปแบบ และหากมีความเชื่อมโยงจะเป็นการกระทําที่เข้าข่ายผิดกฎหมายใดก็ขอให้โปรดพิจารณาดําเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของกระบวนการยุติธรรมไทยกลับมา
“ผมจึงขอให้แจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ตนได้ให้และมีผู้ร้องเรียนมาว่าผิดกฎหมายบทใดบ้าง” นายแทนคุณ กล่าว.