น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีกรรมการสหกรณ์สโมสรรถไฟทุจริต มูลหนี้กว่า 2,272 ล้านบาท พบว่า ที่ผ่านมามีการหยุดการดำเนินคดีไปช่วงหนึ่ง เมื่อตนเข้ามาได้ไปติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อนำผู้กระทำมาลงโทษและช่วยให้สหกรณ์รถไฟ สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ตลอด 2 ปีนี้ ตนได้เข้ามาประสานกับทุกหน่วยงานบูรณาการ รื้อโครงสร้างใหม่ทั้งหมด เดินหน้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมาย โดยขณะนี้มีกรรมการสหกรณ์ กระทำผิดเพิ่มอีก 6 ราย รวมเป็น 15 ราย พบว่ามีการนำเงินออกจากธนาคาร โอนไปให้รายอื่นๆ รายละ 15 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ยังมีปัญหายุ่งยากเพราะแต่ละคดีเกินกว่า 10 ปี อย่างไรก็ตามเงินหนี้ที่ยึดมาได้ล่าสุดกว่า 500 ล้านบาท รวมทรัพย์สินต่างๆ เช่น ม้า วัว อพาร์ตเมนต์ ที่ดิน บางแห่งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ บางที่เป็นโรงแรม ขณะนี้ถูกปล่อยให้เสื่อมโทรม ตนจึงได้หารือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อนำทรัพย์สินเหล่านี้ไปให้เช่า หรือไปทำให้เกิดประโยชน์และมีรายได้กลับมาให้สหกรณ์รถไฟ นำไปใช้หนี้ได้
“คาดว่าประมาณ 15 วัน หลังจากได้หารือกับ ปปง.จะดำเนินการในเรื่องนำทรัพย์สินไปหารายได้ รวมทั้งจะเป็นรูปแบบใหม่ที่ใช้เป็นบรรทัดฐานให้กับคดีอื่นๆ ของสหกรณ์ได้ด้วย ตอนนี้ทรัพย์สินอยู่ในอำนาจ กำลังหารือกันว่า จะนำไปให้บริษัทเอกชนดำเนินการเช่าหรือทำประโยชน์ เพราะถ้าปล่อยไว้ จะเสื่อมค่าทำให้มูลค่าน้อยลง ช่วงเวลาต่อไปจะสามารถนำทรัพย์สินมาใช้ให้มีรายได้ ดีกว่ายึดมาแล้วปล่อยทิ้งร้าง เพราะ ปปง.ก็ไม่มีบุคลากรเพียงพอที่จะดูแลทรัพย์สินที่ถูกยึด ดังนั้นมองว่าหากนำมาให้เช่าได้ในช่วงเวลาที่ยึดมา จะทำให้เกิดประโยชน์มากขึ้น พร้อมกับกำชับกรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งพูดคุยกับสหกรณ์เจ้าหนี้ 13 ราย ให้คิดดอกเบี้ยลดลงอัตราร้อยละ 2 ต่อปี โดยไม่ต้องตั้งค่าเผื่อหนี้สูญ เราต้องการให้เป็นบรรทัดฐานกับการแก้ไขปัญหาในอนาคต โดยขณะนี้ทาง ปปง.ก็เห็นด้วยเมื่อยึดทรัพย์มาแล้ว ร่วมกันหาช่องทางนำทรัพย์สินไปหารายได้ จะช่วยให้มีรายได้มาชำระหนี้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น” รมช.เกษตรฯ กล่าว
รมช.เกษตรฯ กล่าวอีกว่า การทุจริตร้ายแรง แบบสหกรณ์ฯ รถไฟ ยังมีอีก2-3 แห่ง ตนได้กำชับให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งติดตามทรัพย์กลับคืนมา พร้อมกับส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ ดำเนินคดีกับสหกรณ์เหล่านี้ ต่อไปจะร่วมมือกับดีเอสไอ และ ปปง.ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมา อยู่ดีๆ คดีหยุด เป็นเรื่องที่ตนไมเข้าใจ ทำไมถึงหยุด จะมีอิทธิพลมาเกี่ยวข้องหรือไม่ ทั้งนี้การตรวจสอบ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จะต้องเข้าไปตรวจสอบให้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิก สถานะสหกรณ์ทั่วประเทศกว่า 7 พันแห่ง เป็นระดับชั้นที่ 1 และ 2 มากที่สุด ที่มีการทุจริตต่างๆ แต่ขณะนี้เริ่มลดน้อยลง โดยได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบทุกเดือน และนายกฯ ได้กำชับให้เร่งดำเนินการให้จบโดยเร็วกับสหกรณ์ที่ทุจริต
ด้านนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมได้เข้าดำเนินคดีทุจริตในสหกรณ์การเกษตร 3-4 แห่ง สหกรณ์ออมทรัพย์ 1-2แห่ง คดีอยู่ในชั้นศาลอาญา ซึ่งการแก้ไขปัญหาทุจริต ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ติดตามกันทุกเดือน ทั้งผลการแก้ไข ในแต่ละจังหวัดก็มีความคืบหน้า โดยผู้ตรวจราชการกรมลงไปติดตาม แต่ละพื้นที่ที่เกิดความเสียหาย เพื่อสร้างธรรมาภิบาลในสหกรณ์ เพราะส่วนใหญ่มีการทุจริต เกิดจากเจ้าหน้าที่สหกรณ์ ทั้งทุจริตเงินฝาก เงินกู้ ซึ่งต่อไปคณะกรรมการสหกรณ์ ต้องมีความรู้ ทางด้านการเงิน การบัญชี โดยเป็นแผนดำเนินการในปี 2565