เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 ก.พ. 68 ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ในฐานะโฆษกคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ใน กมธ.การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา พร้อมด้วย สว.พันธ์ุใหม่ แถลงกรณีการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และ ส.อบจ. เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา
โดย น.ส.นันทนา กล่าวว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 68 นับเป็นการจัดการเลือกตั้งที่สะท้อนความถดถอยทางประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่งเพราะพบปัญหาในหลายประเด็น เช่น จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าเป้าหมาย และน้อยกว่าการเลือกตั้ง อบจ. เมื่อปี 2563 ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ มีผู้ที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเพียงแค่ ร้อยละ 58.45 ลดลงจากเดิม ร้อยละ 4 หรือบางจังหวัดมีผู้ออกมาใข้สิทธิเลือกตั้งไม่ถึงร้อยละ 50 ทั้งนี้การจัดเลือกตั้งทึ่ตรงกับวันเสาร์ส่งผลให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยลง
น.ส.นันทนา กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันก็พบว่ามีบัตรเสีย ร้อยละ 5.69 หรือประมาณ 931,290 ใบ ซึ่งถือว่าเยอะ และตอนที่กรมการปกครองเป็นผู้จัดการเลือกตั้ง จะกำหนดให้มีบัตรเสียไม่เกิน ร้อยละ 3 หรือบางจังหวัดก็มีบัตรเสีย ร้อยละ 6-7 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทุจริตในการนับคะแนนหรือไม่
น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการรายงานผลการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ล่าช้า หากเรานั่งดูการนับคะแนนอยู่ เรากลับไม่เห็นคะแนนจาก กกต. แต่กลับเห็นจากหน่วยงานอื่น สื่อมวลชนหรือแม้กระทั่งพรรคการเมืองที่เป็นคนนำเสนอ ถือเป็นความด้อยประสิทธิภาพ รวมถึงกรณีที่มีเสียงร่ำลือว่ามีการซื้อเสียงกัน ที่มีการปรากฏภาพเงินแบงก์ร้อยมัดเรียงในกล่องหลายกล่อง หรือมีแม้กระทั่งบัตรย้ำเบอร์ของผู้สมัครพร้อมกับเงินแบงก์พันที่ถืออยู่ในมือ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเชื่อมโยงให้ กกต.ไปตรวจสอบเรื่องการทุจริตซื้อเสียงได้หรือไม่
น.ส.นันทนา กล่าวอีกว่า จากปัญหาดังกล่าว อนุ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ มีแนวทางที่ขอนำเสนอเพื่อแก้ไขปัญหา คือ 1.นายก อบจ.ที่ลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ 90 วัน จะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ในสมัยถัดมา 2.กกต.ต้องกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันอาทิตย์ 3.กกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า 4.กกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งแบบออนไลน์หรือแบบไปรษณีย์ 5.กรณีที่มีบัตรเสียมากกว่าช่องห่างระหว่างผู้สมัครที่ได้อันดับ 1 กับอันดับ 2 ควรมีอำนาจในการเปิดหีบเพื่อนับคะแนนใหม่ เพราะมีผลต่อการแพ้ชนะ และ 6.กกต.ต้องตรวจสอบการซื้อเสียงและดำเนินการเอาผิดอย่างรวดเร็วเข้มข้น อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ กกต.สามารถสรุปบทเรียนเพื่อเตรียมจัดการเลือกตั้งเทศบาลต่อไปได้.