สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ว่า ตามข้อมูลขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) สหรัฐเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่างเป็นทางการ รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเงินทุนเหล่านี้ถูกส่งผ่านหน่วยงานอิสระอย่างยูเอสเอด ซึ่งรัฐบาลวอชิงตัน ก่อตั้งเมื่อปี 2504
ปัจจุบัน ยูเอสเอดมีพนักงานประมาณ 10,000 คนทั่วโลก และได้รับงบประมาณประจำปีหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 338,500 ล้านบาท) ซึ่งสภาคองเกรสจะเป็นผู้อนุมัติงบประมาณในแต่ละปี จากนั้นหน่วยงานจะร่วมมือกับรัฐสภาและทำเนียบขาว เพื่อกำหนดลำดับความสำคัญของการลงทุน
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ จะช่วยให้คำแนะนำด้านนโยบายต่างประเทศ ขณะที่การจัดสรรงบประมาณ จะเป็นในรูปแบบของเงินช่วยเหลือ สัญญา และข้อตกลงความร่วมมือ
รายงานล่าสุดจากหน่วยงานวิจัยของสภาคองเกรส (ซีอาร์เอส) ระบุว่า ยูเอสเอดจัดสรรงบประมาณรวมกันมากกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.3 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2566 ปัจจุบัน ยูเอสเอดมีโครงการอยู่ใน 130 ประเทศ โดยผู้รับความช่วยเหลือมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ยูเครน เอธิโอเปีย และจอร์แดน และประเทศอื่น ๆ อาทิ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) อัฟกานิสถาน ซูดานใต้ และซีเรีย
สำหรับโครงการหลักของยูเอสเอด เมื่อปี 2566 ได้แก่ การแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาล ซึ่งรายงานระบุว่า เงินทุนส่วนใหญ่ไหลไปยังยูเครน การแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรม ปัญหาด้านสุขภาพ และภาคเกษตรกรรม รวมถึงกองทุนโลกเพื่อต่อสู้กับโรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย รวมถึงความช่วยเหลือด้านอาหารและโภชนาการฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวถึงยูเอสเอดบ่อยครั้งขึ้น นับตั้งแต่รับตำแหน่ง ว่าเป็นองค์กรที่ทุจริตอย่างหนัก และผลาญงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน “ไปกับเรื่องไม่จำเป็น” และ “เรื่องที่เลวร้าย”
แม้ยังไม่มีหลักฐานอย่างเป็นทางการมากนัก แต่การยุบยูเอสเอด หรือผนวกรวมกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากสภาคองเกรสผ่านกฎหมายเมื่อปี 2541 รับรอง “ความเป็นอิสระ” ของยูเอสเอด ดังนั้น มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ความพยายามของผู้นำสหรัฐ จะเผชิญกับกระบวนการทางกฎหมาย.
เครดิตภาพ : AFP