สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ต้อนรับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ที่ทำเนียบขาว โดยเนทันยาฮูนับเป็นผู้นำต่างประเทศคนแรก ซึ่งเยือนกรุงวอชิงตัน นับตั้งแต่ทรัมป์กลับมารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐสมัยที่สอง เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา
President Donald J. Trump welcomed Israeli Prime Minister Benjamin @Netanyahu to the White House today—the first world leader to visit during his second term. ???????????????? pic.twitter.com/82KXK2YXdW
— The White House (@WhiteHouse) February 4, 2025
ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวถึงสถานการณ์ในฉนวนกาซา ย้ำการที่ชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ต้องย้ายออกจากฉนวนกาซา แล้วไปลี้ภัยอยู่ในประเทศแห่งอื่น ซึ่งรวมถึงอียิปต์และจอร์แดน แม้รัฐบาลปาเลสไตน์ อียิปต์ และจอร์แดน ยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมรับเรื่องนี้ก็ตาม

ขณะเดียวกัน ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐ “จะเข้ายึดครองฉนวนกาซา” และ “จัดการตามความเหมาะสม” ในฐานะ “ผู้เป็นเจ้าของ” หลังจากนั้น จะมีการฟื้นฟูและพัฒนาฉนวนกาซา รวมถึงการสร้างบ้านเรือนและสร้างงานให้กับประชาชนในพื้นที่
"The U.S. will take over the Gaza Strip, and we will do a job with it, too." –President Donald J. Trump pic.twitter.com/aCqLl9Gwwn
— President Donald J. Trump (@POTUS) February 5, 2025
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า กระบวนการฟื้นฟูฉนวนกาซาไม่ได้หมายความถึง “การกลับมายึดครองโดยบุคคลกลุ่มเดิม” ซึ่งต่อสู้และล้มตายเป็นจำนวนมากที่นี่ ส่วนผู้ที่ยังเหลืออยู่กลับยังคงมีชีวิตอย่างน่าเศร้า ถือเป็นคำกล่าวที่ส่งสัญญาณว่า ทรัมป์ต้องการให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา “ย้ายออกไปอย่างถาวร”
ขณะที่เนทันยาฮูกล่าวว่า สหรัฐคือ “มิตรดีที่สุด” ของอิสราเอล และเรียกร้องประชาคมระหว่างประเทศ “ให้ความสนใจและความสำคัญ” กับแผนการของทรัมป์ในเรื่องฉนวนกาซา เนื่องจากจะเป็น “การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่”
ตอนนี้ อิสราเอลและกลุ่มฮามาสอยู่ระหว่างการพักรบ 42 วัน นับตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการหยุดยิงรอบที่สอง นับตั้งแต่เกิดสงครามเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2566 โดยการหยุดยิงครั้งแรกมีผล 1 สัปดาห์ ระหว่างเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2566 โดยทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนตัวประกันและนักโทษชาวปาเลสไตน์ รวมถึงมีตัวประกันชาวไทยได้รับการปล่อยตัวระหว่างการพักรบรอบปัจจุบันด้วย 5 คน.
เครดิตภาพ : AFP