สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ต้อนรับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ที่ทำเนียบขาว โดยเนทันยาฮูนับเป็นผู้นำต่างประเทศคนแรก ซึ่งเยือนกรุงวอชิงตัน นับตั้งแต่ทรัมป์กลับมารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐสมัยที่สอง เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวถึงสถานการณ์ในฉนวนกาซา ย้ำการที่ชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ต้องย้ายออกจากฉนวนกาซา แล้วไปลี้ภัยอยู่ในประเทศแห่งอื่น ซึ่งรวมถึงอียิปต์และจอร์แดน แม้รัฐบาลปาเลสไตน์ อียิปต์ และจอร์แดน ยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมรับเรื่องนี้ก็ตาม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล แถลงร่วมกันที่ห้องตะวันออก ของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน


ขณะเดียวกัน ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐ “จะเข้ายึดครองฉนวนกาซา” และ “จัดการตามความเหมาะสม” ในฐานะ “ผู้เป็นเจ้าของ” หลังจากนั้น จะมีการฟื้นฟูและพัฒนาฉนวนกาซา รวมถึงการสร้างบ้านเรือนและสร้างงานให้กับประชาชนในพื้นที่


อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า กระบวนการฟื้นฟูฉนวนกาซาไม่ได้หมายความถึง “การกลับมายึดครองโดยบุคคลกลุ่มเดิม” ซึ่งต่อสู้และล้มตายเป็นจำนวนมากที่นี่ ส่วนผู้ที่ยังเหลืออยู่กลับยังคงมีชีวิตอย่างน่าเศร้า ถือเป็นคำกล่าวที่ส่งสัญญาณว่า ทรัมป์ต้องการให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา “ย้ายออกไปอย่างถาวร”


ขณะที่เนทันยาฮูกล่าวว่า สหรัฐคือ “มิตรดีที่สุด” ของอิสราเอล และเรียกร้องประชาคมระหว่างประเทศ “ให้ความสนใจและความสำคัญ” กับแผนการของทรัมป์ในเรื่องฉนวนกาซา เนื่องจากจะเป็น “การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่”

ตอนนี้ อิสราเอลและกลุ่มฮามาสอยู่ระหว่างการพักรบ 42 วัน นับตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการหยุดยิงรอบที่สอง นับตั้งแต่เกิดสงครามเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2566 โดยการหยุดยิงครั้งแรกมีผล 1 สัปดาห์ ระหว่างเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2566 โดยทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนตัวประกันและนักโทษชาวปาเลสไตน์ รวมถึงมีตัวประกันชาวไทยได้รับการปล่อยตัวระหว่างการพักรบรอบปัจจุบันด้วย 5 คน.

เครดิตภาพ : AFP