ประเด็นร้อนๆ ทางการเมือง อาทิตย์นี้ก็ยังเป็นเรื่องนายก อบจ. จากกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงแถลงร่ำไห้ บอกว่าถูกพรรคเพื่อไทยด้อยค่า ส่งผลกระทบให้ขาดขุมกำลังต่อสู้ในการแข่งขัน ชิงสมัคร อบจ.ศรีสะเกษ ทำให้นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษ แพ้เลือกตั้งให้ “นายกส้มเกลี้ยง” วิชิต ไตรสรณกุล แชมป์เก่าแบบขาดลุ่ยนั้น นางอุบลกาญจน์ อมรสิน แกนนำเสื้อแดงภาคอีสาน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “เหตุเพราะเสื้อแดงคาดหวังไว้สูง สนามเลือกตั้งนี้ต้องเอาชัยชนะให้เป็นกำลังใจต้อนรับนายใหญ่ (อดีตนายกฯ แม้ว ทักษิณ ชินวัตร) กลับบ้าน
นายใหญ่เดินทางมาด้วยตัวเองทั้งที ต้องไม่ทำให้นายใหญ่ผิดหวัง ถึงแม้จะรู้ว่าการล้มแชมป์ครั้งนี้ไม่ง่ายเลย คนเสื้อแดงจึงได้นัดหมายหารือแนวทางเพื่อหาคะแนนเพิ่มให้ผู้สมัครพรรคที่พวกเราสนับสนุน ว่าพวกเสื้อแดงจะช่วยอย่างไรได้บ้าง ขอเข้าพบผู้สมัครที่พรรคส่งในนามพรรคเพื่อไทย ดูเหมือนแนวทางจะเห็นพ้องต้องกัน

แต่สุดท้ายแล้วได้คำตอบมา ว่าปล่อยให้ สส.เค้าทำไป ศรีสะเกษ มี สส. 7 เขต (ศรีสะเกษมี สส. 9 คน เป็นของเพื่อไทย 7 คน) ให้เสื้อแดงทำได้ไม่เท่าเสีย ด้วยความที่คนเสื้อแดงคือแดง เราจะใช้วิธีการเดินหน้าหาเสียงสไตล์คนเสื้อแดง แบบภูธร เข้าถึงประชาชน โฟกัสไปที่นายใหญ่ มองข้ามปัญหา นาทีนั้นเราต้องสามัคคีกันไว้ ไม่งั้นเราแพ้แน่ ทำเท่าที่ทำได้ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เมื่อเราทำดีที่สุดแล้ว ผลออกมาอย่างที่ทราบกัน เรายอมรับมันคือเกมกีฬา
อยากให้รู้ว่าพรรคควรจะรับฟังคนเสื้อแดงบ้าง ไม่ใช่หลับหูหลับตาฟังแต่ สส.บางคนที่เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์จากพรรค พอออกศึกเรียกหาคนเสื้อแดง พอศึกสงบไม่รู้จักคนเสื้อแดง คนเสื้อแดงเค้าเลือกเพื่อไทย เพราะคนชื่อทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้เลือกเพราะชื่อพรรค” นางอุบลกาญจน์ โพสต์

ที่สำนักงาน กกต. นายนพดล สมยานนทนากุล ผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรปราการ พรรคประชาชน (ปชน.) พร้อมด้วยนายจักรพันธ์ จินตนาพากานนท์ ผู้สมัครนายก อบจ.นครนายก พรรค ปชน. เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.เกี่ยวกับการเลือกตั้ง อบจ.โดยนายจักรพันธ์ ยื่นคำร้องให้ กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ เพราะมีความผิดปกติในเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.องครักษ์ จ.นครนายก ที่มีผู้มาใช้สิทธิ 6,449 คน แต่กลับเป็นบัตรเสียกว่า 1,096 ใบ
“จึงถือว่ามีบัตรเสียถึง 1 ใน 6 ซึ่งเป็นไปได้ยากมากที่ทุกๆ 6 คน จะกาบัตรเสีย 1 คน อีกทั้งคะแนนระหว่างตนกับผู้ชนะก็ห่างกันเพียง 900 กว่าคะแนน แต่กลับมีบัตรเสียกว่า 5,800 ใบ ยอมรับว่าในระหว่างการนับคะแนน ทางผู้สังเกตการณ์ไม่ได้ทักท้วง เพราะอาจจะมองบัตรไม่ชัด นอกจากนี้ยังเห็นว่ามีความผิดปกติในเรื่องของการส่งบัตรเลือกตั้งจากหลายหน่วยมายัง อบจ.มีความล่าช้า บางหน่วยมาถึงเที่ยงคืน ทั้งที่ระยะทางจากหน่วยมายัง อบจ.นั้นไม่ได้ไกล”
ส่วน “หมอเอกซ์ นพดล” กล่าวว่า ที่ต้องมายื่นร้องต่อ กกต.กลางโดยตรงในวันนี้เป็นเรื่องของการทุจริตซื้อเสียง ซึ่งชาวสมุทรปราการส่งข้อมูลและพยานหลักฐานมาให้ทางพรรค จึงต้องการให้ กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร หากเห็นว่ามีผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรมก็ขอให้ประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ใน จ.สมุทรปราการ
“และในอีกหลายจังหวัด ทางพรรคจะทยอยยื่นหลักฐานเข้ามา หลักฐานที่เราเตรียมมายื่นให้กับ กกต.ในวันนี้เป็นเรื่องการซื้อเสียง 3 กรณี โดยทั้งพยานบุคคลที่พร้อมให้ถ้อยคำต่อ กกต. คลิปวิดีโอ ที่ประชาชนได้บันทึกไว้ในระหว่างการซื้อเสียง แชตไลน์ที่หัวคะแนนทักหาผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเกิดขึ้นในหลายอำเภอใน จ.สมุทรปราการ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีการซื้อเสียงหัวละ 200 บาท ซึ่งมั่นใจว่า กกต.จะพิจารณาแน่นอน ประชาชนส่งข้อมูลมาเป็นจำนวนมาก”
นายนพดล ยังมีการตั้งข้อสังเกตถึงระบบการรายงานผลการนับคะแนนแบบเรียลไทม์ของ กกต. ว่า ระหว่างการแสดงผลคะแนนทำไม กกต.จึงไม่นำเสนอจำนวนผู้มาใช้สิทธิรวมตั้งแต่ต้น แต่กลับมานำเสนอเมื่อผลการนับคะแนนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ กกต.ก็มีเอกสารที่เรียกว่า 5/7 สามารถประกาศให้ประชาชนทราบได้เลยว่าในจังหวัดสมุทรปราการหรือจังหวัดอื่นๆ มีคะแนนรวมของผู้มาใช้สิทธิเท่าไร
ตั้งข้อสังเกตได้หรือไม่ว่าทำแบบนี้เพียงเพราะไม่ต้องการให้เกิดการวิจารณ์จากประชาชนว่าเกิดบัตรเขย่งในจังหวัดสมุทรปราการ การรายงานจำนวนบัตรเสียของ จ.สมุทรปราการ แบบเรียลไทม์ก็พบความผิดปกติ แต่ละช่วงเวลามีการเปลี่ยนไปของจำนวนบัตรเสียค่อนข้างมาก บางครั้งเปลี่ยนแบบเพิ่มสูงขึ้น แล้วสักพักจำนวนก็ลดลงมา ทำให้ประชาชนสับสน ถ้า กกต.จะบอกว่าเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคลที่คีย์ข้อมูลผิด เชื่อว่าคำตอบแบบนี้ประชาชนรับไม่ได้ เราจะขอตรวจสอบความถูกต้องในเรื่องดังกล่าวจาก กกต.
ก็ยังต้องดูการร้องเรียนกันต่อไป โดยเฉพาะเรื่องที่น่าสนใจคือ บัตรเสียกับไม่ลงคะแนนเยอะผิดปกติ
ปิดท้ายกันที่ภารกิจนายกรัฐมนตรี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เวลา 11.30 น. “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร พร้อมคณะเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 5-8 ก.พ.นี้ โดยวันที่ 6 ก.พ.ในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าพบหารือกับสี จิ้นผิง (H.E. Xi Jinping) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และจ้าว เล่อจี้ (H.E. Mr. Zhao Leji) ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือในทุกมิติ หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเพื่อไปวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์วีรชน จัตุรัสเทียนอันเหมิน

ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร จะเข้าร่วมพิธีตรวจแถวสวนสนามภายในศาลามหาประชาชน และเข้าพบปะหารือร่วมกับหลี่ เฉียง (H.E. Mr. Li Qiang) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนและคณะ และเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงต่าง ๆ ระหว่างไทย-จีน ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และข้อตกลงต่าง ๆ ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศที่ได้บรรลุข้อตกลงระหว่างกัน
การเดินทางครั้งนี้จะมีทั้งในส่วนของกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดีอี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมหารือในทุกมิติระหว่างกัน
วันที่ 7 ก.พ. น.ส.แพทองธารพร้อมคณะจะออกเดินทางจากกรุงปักกิ่งไปยังนครฮาร์บิน ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงเชิญนายกฯ เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 อย่างเป็นทางการ โดยนายกรัฐมนตรีจะพบปะเพื่อให้กำลังใจนักกีฬาไทย และเยี่ยมชมงานแสดงศิลปะแกะสลักน้ำแข็ง หรือ Harbin Ice and Snow World ก่อนเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ในช่วงค่ำ
ในปีนี้ครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ด้านการทูต ไทย-จีน 50 ปี เราก็หวังจะได้เห็นความร่วมมือที่กระชับมิตรภาพและผลประโยชน์ระหว่างกัน.
“ทีมข่าวการเมือง”