จ.กาญจนบุรี ก้าวเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของผู้นำในยุคของเอไอ ถ้าผู้นำยุคนี้ตามโลกไม่ทันก็จะเสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย ร่องรอยความก้าวหน้าใน จ.กาญจนบุรี เริ่มเห็นในยุคที่ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ เป็นนายก อบจ.กาญจนบุรี ก่อนจะลาออกจากเก้าอี้ ขยับไปเป็น รมช.คมนาคม เพราะผลงานการเมืองที่ทำให้ได้ สส.กาญจนบุรี เป็นกอบเป็นกำ ในส่วนท้องถิ่นก็ผลักดันให้ นพ.ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า “หมอหวัด” ลงสนามเลือกตั้งและได้นั่งเก้าอี้นายก อบจ.กาญจนบุรี ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย ในฐานะหัวหน้าทีมพลังกาญจน์ การเลือกตั้ง ส.อบจ.ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ก.พ.68 ที่ผ่านมา ทีมพลังกาญจน์ก็กวาดมาได้ 22 เขต จาก 30 เขตเลือกตั้ง
หลังทราบผลการเลือกตั้ง นพ.ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ นายก อบจ.กาญจนบุรี ในฐานะหัวหน้าทีมพลังกาญจน์ ก็ออกมาแสดงความยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้งทุกคน และขอบคุณพี่น้องประชาชนคนกาญจนบุรี ที่ให้ความไว้วางใจกับทีมพลังกาญจน์
“ส่วนตัวผมไม่เคยคิดแบ่งพรรคแบ่งพวก พวกเราที่อาสามาเล่นการเมืองก็รู้จักกันทั้งนั้น เราเข้ามาด้วยความมุ่งหวังตั้งใจที่จะพัฒนาเมืองกาญจน์บ้านเราให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป ทุกคนที่ประชาชนเลือกมาคือทีมเดียวกัน ต้องร่วมมือและสนับสนุนกัน หลายนโยบายที่ผมวางไว้ถ้าทำได้สำเร็จก็จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับกาญจนบุรีของเรา ตามที่ท่านรัฐมนตรีสุรพงษ์ได้ปรารภเอาไว้ ผมก็พยายามจะทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย” นพ.ประวัติ กล่าวอย่างมุ่งมั่น

นพ.ประวัติ ยังได้พูดถึงหนึ่งในนโยบายที่มุ่งมั่นทำให้สำเร็จโดยสานต่อจากนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ สมัยเป็นนายก อบจ.กาญจนบุรี คือ โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ที่จะพัฒนาเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่
สำหรับ โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ตั้งอยู่ริมถนนแสงชูโต ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2476 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกระทรวงกลาโหม และเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ2481 โดยพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
ชื่อแรกตอนก่อตั้งคือ โรงงานทำกระดาษทหารกาญจนบุรี เป็นโรงงานกระดาษแห่งที่ 2 ในไทย (โรงงานกระดาษแห่งแรกเปิดกิจการ เมื่อ ปี พ.ศ. 2466 ที่สามเสน กรุงเทพมหานคร) และเป็นโรงงานแห่งแรกที่ผลิตธนบัตรไทยโดยใช้เยื่อไม้ไผ่

ตัวอาคารออกแบบโดยวิศวกร และนายช่างจากประเทศเยอรมนี เป็นสถาปัตยกรรมขนาดมหึมาท่ามกลางโบราณสถานกำแพงเมืองเก่า ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โรงงานแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ในการเปลี่ยนแปลงสังคมจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรมของจังหวัดกาญจนบุรี
สถาปัตยกรรมแบบยุโรปโบราณแห่งนี้ได้รับการขนานนามให้เป็น “มิวเซียมอุตสาหกรรมแห่งแรกของไทย” เป็นแหล่งชุมชนที่มีเรื่องราว และอิทธิพลต่อสังคมในเมืองกาญจนบุรี ณ สมัยนั้น ปัจจุบันสภาพทุกอย่างของโรงงานยังคงเหมือนเดิม ทั้งตัวโครงสร้าง ปล่องควัน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และเครื่องจักรผลิตกระดาษ ซึ่งเหลือเป็นชิ้นสุดท้ายของโลกที่ประเทศไทย

ต่อมา บริษัทแรบบิทฯ และกลุ่มบีทีเอส ได้เข้าซื้อและส่งมอบให้ อบจ.กาญจนบุรี ใช้เป็นสาธารณประโยชน์ และพิพิธภัณฑ์เพื่อประชาชน รวมถึงเป็นอาคารอนุรักษ์เพื่อสังคมของจังหวัด เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทบีทีเอส และบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ นายก อบจ.กาญจนบุรี จัดพิธีส่งมอบ “โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” ณ จังหวัดกาญจนบุรี โดยมี ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ ผวจ.กาญจนบุรี คณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัทบีทีเอส และ บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมพร้อมเพรียง
การเข้าซื้อโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ของกลุ่มบริษัทบีทีเอส และบริษัท แรบบิทฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากตระหนักถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จึงเข้าซื้อและมอบให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ได้ใช้เป็นสาธารณประโยชน์ พัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อประชาชน รวมถึงเป็นอาคารอนุรักษ์เพื่อสังคมของจังหวัดอันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมต่อไป

ต่อมามีการจัดงาน “มรดกเมืองกาญจน์โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรีกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของ จ.กาญจนบุรี ด้วยการนำเสนอมุมมองที่แปลกใหม่ ทันสมัย ตอบสนองต่อนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ทั้งยังกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ จ.กาญจนบุรี รวมทั้งต้องการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม อาคารโบราณสถานต่าง ๆ ไว้เพื่อสืบสาน และส่งต่อเป็นมรดกวัฒนธรรมของชาติไทยไปยังคนรุ่นหลัง

ยิ่งใหญ่ตระการตาเปิดงาน “มรดกเมืองกาญจน์” ณ โรงงานกระดาษกาญจนบุรี
นพ.ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ นายก อบจ.กาญจนบุรี กล่าวปิดท้ายด้วยมุมมองและวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจว่า “เราปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือโลกของเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดที่เราต้องก้าวตามให้ทัน เราปฏิเสธความก้าวหน้าไม่ได้ แต่ในมุมกลับกัน เราเองก็ต้องไม่ลืมที่มา ไม่ลืมรากเหง้า ไม่ลืมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเรา เมื่อเราผสมผสานสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันได้ เราก็จะเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”
————————–
วัชระ พัฒนศรี หัวหน้าศูนย์เดลินิวส์ภาคตะวันตก