เมื่อวันที่ 7 ก.พ. น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ หรือ ลิซ่า สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีการออกหมายจับ สส.ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.พรรคไทยก้าวหน้า ว่า ก่อนอื่นตนขอประณามพฤติกรรมที่เกิดขึ้นของผู้ถูกกล่าวหา โดยพฤติการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดครั้งแรก แต่เกิดซ้ำๆ หลายครั้งในหลายกรณี จนทำให้อดีตพรรคก้าวไกล ลงมติขับออกจากพรรค แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเกิดซ้ำขึ้นอีก ทั้งที่เป็นสิ่งที่ผู้ถูกกล่าวหาต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ให้เกิดกรณีอื่นๆ เพิ่มเติมจากเรื่องที่เคยเกิดมาแล้ว จึงถือเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และไม่ใช่ประเด็นส่วนบุคคลของผู้แทนราษฎร แต่เป็นเรื่องมาตรฐานขององค์กรสภาผู้แทนราษฎร ที่จะต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกพี่น้องประชาชนด้วย

น.ส.ภคมน กล่าวว่า ดังนั้นตนจึงกดดันให้นายไชยามพวาน ลาออกจากการดำรงตำแหน่งผู้แทนราษฎร และเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม กรณีที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ทำหนังสือถึงสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขออนุญาตจับกุมตัวนายไชยามพวาน ตามหมายศาล เพื่อไปดำเนินคดีระหว่างสมัยประชุมสภา นั้น ที่ผ่านมาตามปกติ แนวปฏิบัติของสภาทุกยุค ไม่ว่าจะเป็นคดีใด มติของ สส. จะพร้อมใจเป็นเอกฉันท์ ไม่ส่งตัว สส. ที่ถูกออกหมายจับไปให้ตำรวจระหว่างสมัยประชุม เพื่อไม่ให้การทำหน้าที่สมาชิกผู้แทนราษฎรในฝ่ายนิติบุญญัติสะดุดลงจากการถูกกลั่นแกล้ง แต่กรณีของ สส.ไชยามพวาน ซึ่งถูกออกหมายจับในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น ถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก และบุคคลที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ควรเป็นผู้แทนราษฎรต่อไปอีก 

“ดิฉันในฐานะผู้แทนราษฎร อยากให้สภาชุดนี้สร้างมาตรฐานใหม่ร่วมกัน ให้มีมติส่งนายไชยามพวาน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ส่วนคดีการเมืองที่กลั่นแกล้งกันหรือคดีที่มาจากการทำหน้าที่ของ สส. ก็ควรได้รับความคุ้มกัน แต่ถ้าหากเป็นคดีที่เป็นอาชญากรรมโดยแท้ และเป็นการกระทำส่วนตัวโดยแท้ในเรื่องร้ายแรง เช่น ข่มขืน ฆ่า ค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ พวกนี้ เพื่อน สส. ไม่ควรปกป้อง จึงขอเรียกร้องสภา ว่าถ้าหาก สส.ไชยามพวาน ไม่ลาออกเองในเวลาที่เหมาะสม เราทุกคนก็ต้องร่วมมือกันส่งตัวบุคคลดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” น.ส.ภคมน กล่าว.