ทำเหยื่อที่เดือดร้อนจากการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินไปแล้วก้อนหนึ่ง ต้อง “ทุกข์ซ้ำ” ถูกหลอกเสียเงินอีก

ไม่บ่อยกับปฏิบัติการที่สาวถึงตัว “ระดับบอส” ได้ถึง 2 คนในคราวเดียว หลัง ศปอส.ตร. ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สะกดรอยตามจับ 2 ผู้ต้องหา ชาวจีนได้ที่บ้านพักหรูกลางกรุง คือ นายยี วานโยว (Mr.YE Wanyou) อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.784/2568 และ นายลี่ เว่ยเจีย (Mr.Li Weijie) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.785/2568

ข้อหาเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใดๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือยืมบัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์เพื่อในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใดๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้ในนามของบุคคลหนึ่งแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้

เนื่องจากแก๊งนี้จะใช้วิธีตกเหยื่อที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก สร้างเพจปลอมเสมือนเป็นหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. ใช้คีย์เวิร์ด “ติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืน” พร้อมยิงแอดปั่นยอดไลก์ให้เพจดูมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือ จนเหยื่อที่เห็นผ่านโลกโซเชียลหลงเชื่อว่าเป็นหน่วยงานนั้นจริง แต่ทำการติดต่อขอความช่วยเหลือเพราะคิดว่าจะได้เงินคืน

หากหลงเข้าไป เหยื่อจะถูกลาก “ห้องเชือด” หรือกลุ่มไลน์ที่มีทนายปลอม ผู้เชี่ยวชาญ หัวหน้าฝ่ายไอที ทำทีสร้างชาร์ตเส้นทางการเงินให้เหยื่อดูว่าเงินที่ถูกหลอกไปนั้น ไหลไปยังเส้นเงินเว็บพนันออนไลน์ ต้องให้ไอทียิงระบบนำเงินคืน กลายเป็นถูกหลอกซ้ำ ซึ่งแผนประทุษกรรมเช่นนี้มีการหลอกลวงเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

“ไทม์ไลน์” การไขคดีเริ่มจากช่วงเดือน ก.ค. 67 มีเหยื่อเข้าแจ้งความที่สน.หัวหมาก ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวนมีการสอบปากคำกระทั่งสามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาชาวจีนทั้ง 2 ราย เป็น “หัวหน้าขบวนการ” เชื่อมโยงสั่งการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศเพื่อนบ้านภายในตึก 20 ชั้น จนนำไปสู่การออกหมายจับ

โดยอาศัยจังหวะที่ผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาประเทศไทย และมีบ้านเช่าสุดหรูเดือนละแสนไว้เป็น “เซฟเฮาส์” รายแรกที่เข้าจับกุมคือนายลี ก่อนขยายต่อไปที่บ้านพักนายยี่ ซึ่งทั้งสองมีพฤติการณ์ร่วมกันทำธุรกิจหลอกลวงในลักษณะยิง SMS ซึ่งเป็นการขยายธุรกิจจากเดิมที่มีการทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และบริษัทฟอกเงินหลายแห่งในประเทศเพื่อนบ้าน

“ทีมข่าวอาชญากรรม” สอบถามเพิ่มเติมกับ “รองจ๋อ” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. ถึงเบื้องหลังซ้อนแผนรวบ 2 ชาวจีนระดับบอสพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาสืบสวนสอบสวนมาหลายเดือนแล้ว เริ่มตั้งแต่ได้รับแจ้งความมาจากผู้เสียหายเมื่อช่วงเดือน ก.ค. 67 โดยทำการสืบสวนสอบสวนต่อเนื่อง กระทั่งสามารถขอศาลออกหมายจับและเข้าจับกุม โดยผู้ต้องหาทั้งคู่ถือว่าอยู่ระดับสูงสุดเจ้าของบริษัทคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ หลายแห่งในประเทศเพื่อนบ้าน และอยู่ระหว่างการขยายผลว่ามีการเปิดเพจหลอกคืนเงินกี่เพจ และมีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรฯ หลอกด้วยหรือไม่

“ขบวนการนี้ตั้งอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แต่มาหลอกลวงคนในประเทศไทย ทั้งคู่มีบทบาทเท่า ๆ กัน แต่นายยี วานโย จะเหนือกว่า อาจเพราะรวยกว่า หรือทำมานานกว่า”

สำหรับข้อสงสัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กับแก๊งทำเพจหลอกคืนเงินเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ พล.ต.ต.ธีรเดช ระบุ ปัจจุบันธุรกิจสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์เหล่านี้กลายเป็นธุรกิจ “แฟรนไชส์” ไปแล้ว เพราะเหล่าวัยรุ่นจีนที่รวยจากการทำยุคแรก ๆ กลับไปใช้ชีวิตหรูอยู่สบายในประเทศจีน ทำให้เป็นแนวทางให้วัยรุ่นจีนพากันทำตาม

“ใครมีเงินก็เข้ามาลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านเราได้ไม่ยาก เพราะเหตุนี้บอสคนหนึ่ง ก็อาจจะไม่ได้ทำแค่บริษัทเดียว อาจจะทำคอลเซ็นเตอร์ หรือ สแกมเมอร์หลายบริษัท หลายที่ตั้งก็เป็นไปได้หมด มันยั้วเยี้ยเต็มไปหมด มากหน้าหลายตา ไม่ได้รู้จักกันไปทุกบริษัท ไม่ได้เป็นองค์กรใหญ่ๆ แคบๆ อย่างที่เราเข้าใจ” พล.ต.ต.ธีรเดช ระบุ.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน