สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวนอกรอบที่ประชุม รัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามกรอบของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ( ยูเอ็นเอฟซีซีซี ) ครั้งที่ 26 หรือ “คอป 26” ที่เมืองกลาสโกว์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่าการประชุมครั้งนี้มีความคืบหน้าในหลายเรื่อง และเชื่อมั่นว่า ประเด็นสำคัญที่ได้จากการเข้าร่วมงานครั้งนี้ จะสามารถนำไปใช้ต่อยอดกับนโยบายสิ่งแวดล้อมในประเทศ


อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า “น่าเสียดาย” ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย “กลับนำตัวออกห่างจากปัญหาใหญ่ระดับโลก” หมายถึงการที่ทั้งสองคนไม่เข้าร่วมการประชุมคอป 26 ด้วยตัวเอง แต่ใช้วิธีเผยแพร่แถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษรแทน


ทั้งนี้ ไบเดนเน้นย้ำแนวทางของสหรัฐต่อที่ประชุมคอป 26 ในการเดินสู่เส้นทางลดการใช้พลังงานฟอสซิสลงครึ่งหนึ่ง ภายในปี 2593 แต่กลับยังไม่ประกาศเป้าหมายสู่การเป็นกลางทางคาร์บอน หรือคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์


ขณะที่ นายเซียะ เจิ้นหัว ผู้แทนพิเศษด้านนโยบายสภาพอากาศของจีน ซึ่งเข้าร่วมการประชุมคอป 26 ในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยืนยันว่า รัฐบาลปักกิ่งพยายามอย่างสุดความสามารถตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และเกี่ยวกับประเด็นที่จีนเป็นประเทศผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนรายใหญ่ที่สุดของโลกนั้น หมายความว่า จีนกำลังอยู่ในขั้นตอน “การพัฒนาเป็นพิเศษ” เพื่อนำไปสู่การลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างเต็มกำลังในอนาคต


นายเซียะกล่าวด้วยว่า จีน “เน้นการลงมือทำ มากกว่าการพูดปากเปล่า” โดยรัฐบาลปักกิ่งมีแผนบรรลุเป้าหมาย “เป็นกลางทางคาร์บอน” ที่รวมถึงการเพิ่มการใช้พลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิล ให้มีสัดส่วนประมาณ 25% ของการใช้พลังงานทั้งหมด ภายในปี 2573 โดยคาดการณ์ว่า ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศในเวลานั้น จะลดลงมากกว่า 65% เมื่อเทียบกับระดับของปี 2548
นอกจากนี้ ภายในปี 2573 กำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ในจีน จะเพิ่มขึ้นรวมกันเป็นมากกว่า 1,200 ล้านกิโลวัตต์ และภายในปี 2603 สัดส่วนการใช้พลังงานฟอสซิลในจีนจะเหลือไม่ถึง 20%.

เครดิตภาพ : AP