สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ว่า รัฐบาลสวีเดนระบุในแถลงการณ์ว่า “อาวุธบางประเภทที่อันตรายมาก ควรครอบครองไว้สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อพลเรือนเท่านั้น” โดยจะมีการยื่นเรื่องต่อสภา เสนอแก้ไขกฎหมายอาวุธปืนของประเทศ ซึ่งรวมถึงการจำกัดการเข้าถึงอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ

เหตุกราดยิงที่สถานศึกษาผู้ใหญ่ ในเมืองโอเรโบร ทางตะวันตกของกรุงสตอกโฮล์ม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย ไม่รวมมือปืน ก่อให้เกิดคำถามหลายประการเกี่ยวกับกฎหมายอาวุธปืนของสวีเดน

ทั้งนี้ ข้อเสนอของรัฐบาล คือการจำกัดการเข้าถึงอาวุธกึ่งอัตโนมัติ โดยเฉพาะปืนไรเฟิลเออาร์-15 ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้แมกกาซีนขนาดใหญ่ และสามารถสร้างความเสียหายได้มาก ภายในระยะเวลาอันสั้น

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2566 สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสวีเดน อนุมัติการใช้อาวุธดังกล่าวสำหรับการล่าสัตว์ และวัตถุประสงค์ของการแก้ไข้กฎหมายครั้งนี้ คือการย้อนกลับไปสู่สถานการณ์เดิม

เกี่ยวกับการสืบสวนสอบเหตุกราดยิง ตำรวจยังคงสืบหาแรงจูงใจของคนร้าย ขณะที่มีรายงานว่า ผู้เสียชีวิตมีหลากหลายสัญชาติ เพศ และวัย

ด้านสถานเอกอัครราชทูตซีเรียประจำกรุงสตอกโฮล์มออกแถลงการณ์ ว่าผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย เป็นชาวซีเรีย ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศบอสเนียระบุว่า มีหญิงสาวชาวบอสเนียรายหนึ่งเสียชีวิต โดยอ้างรายงานจากญาติของเหยื่อ ซึ่งติดต่อขอความช่วยเหลือมายังรัฐบาล.

เครดิตภาพ : AFP