โดยคลิปวีดีโอใหม่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นเสียงพูดคล้ายกับ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา สนทนากับกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ท่านหนึ่งซึ่งลือหนาหูกันว่า คือ “สุชาติ ตระกูลเกษมสุข” ที่เพิ่งได้รับเลือกเป็นประธานกรรมการป.ป.ช.คนใหม่ หารือเรื่องคำร้องของป.ป.ช.ที่คาดว่าเกี่ยวโยงกับกรณีของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
แม้ในตอนแรกหลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ “ประธานฯวันนอร์” บอกกับสื่อว่า ไม่แน่ใจว่าใช่เสียงตัวเองหรือไม่ และไม่น่าจะไปพูดในเรื่องต่อรอง แต่วันต่อมา เจ้าตัวชี้แจงเชิงยอมรับว่า เป็นเหตุการณ์หลังปีใหม่ “บิ๊กโจ๊ก” ติดต่อขอเข้าพบตน โดยบอกว่าเพื่ออวยพรปีใหม่และคุยเรื่องสมาคมปักษ์ใต้ แต่สุดท้ายพา “สุชาติ” มาด้วย โดยนายตำรวจคนดังยังแจ้งว่าขอถอนเรื่องที่ยื่นถอดถอน “สุชาติ” และยังเอ่ยกันถึงกรณีที่ขณะนั้นจะมีการเลือกประธานป.ป.ช.คนใหม่

ไม่ว่าบทสนทนาที่แท้จริงคืออะไร แต่เรื่องนี้ถือได้ว่าซัดแรงกระแทกระลอกใหม่ใส่ “อาจารย์วันนอร์” ให้ถูกลดเครดิตการครองบัลลังก์ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ และน่าสังเกตว่าคลิปดังกล่าวออกมาในช่วงเวลาท่ามกลางกระแสข่าวลือสะพัดจับตาการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรัฐบาลผสมที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ หลังจาก “อาจารย์วันนอร์” รับตำแหน่งประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเดือน ก.ค.2566 ผ่านไปไม่กี่เดือนก็มีเสียงลือว่าท่านประธานฯเตรียมจะลาออกเพราะปัญหาสุขภาพ จนบรรดาคนใกล้ชิดต้องชี้แจงว่าท่านยังมีสุขภาพดี ทำหน้าที่ได้ตามปกติ
และในยุค “นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน” จัดทัพปรับครม. ก็เกิดข่าวกระทบชิ่งอ้างว่าพรรคเพื่อไทยขอทวงคืนเก้าอี้ประธานรัฐสภา จากพรรคประชาชาติต้นสังกัดของ “อาจารย์วันนอร์” เพื่อให้รัฐมนตรีที่จะหลุดโผ อย่าง “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ขึ้นนั่งแทน แต่ถูกพรรคประชาชาติประสานเสียงตอบโต้ สยบข่าว

ทั้งจากตัว “ประธานวันนอร์” ที่ส่งเสียงดุดัน ว่า ตำแหน่งประธานรัฐสภาไม่ใช่ของรัฐบาล แต่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกรัฐสภา ส่วนการปรับครม.เป็นเรื่องของนายกฯ ไม่เกี่ยวโยงกัน สมทบด้วย “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่ระบุว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ มาจากการเลือกของสส.ทั้ง 500 คน ตามด้วย “มุข สุไลมาน” เลขานุการประธานสภา ก็ยืนยันอีกแรงว่า “ประธานวันนอร์” อยู่ครบ 4 ปีแน่นอน ไม่มีใครมาบังคับได้
แม้จะส่งเสียงย้ำขนาดนี้ ก็ยังมีกระแสข่าวออกมาอยู่เรื่อยๆ ที่ลือกันว่ามาจากแกนนำรัฐบาลหรือคนที่ใหญ่กว่านั้นอยากยึดเก้าอี้นี้กลับมาเพื่อส่งคนใหม่ไปทำงานด้านนิติบัญญัติให้เดินหน้าตามสั่ง
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าท่านประธานวัยเก๋าผู้นี้จะแก้เกมเลื่อยขาเก้าอี้นี้อีกสักกี่ยกเพื่อให้อยู่รอดจนครบเทอม.