เมื่อวันที่ 13 ก.พ. นพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า วันวาเลนไทน์เป็นช่วงเวลาแห่งความรักและความสุข ซึ่งหลายคนใช้เป็นโอกาสในการแสดงความรักและมิตรภาพต่อกัน แต่ในอีกมุมหนึ่งก็เสี่ยงสูงต่อการถูกล่อลวงและการใช้ยาเสพติดโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่อาจตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีที่ใช้บรรยากาศของงานสังสรรค์เป็นเครื่องมือ แอบผสมลงในเครื่องดื่มโดยไม่รู้ตัว ที่พบบ่อยคือ ยาเสียสาว (GHB) ยาเค (Ketamine) ยาอี (Ecstasy) และสารเสพติดอื่นๆ ที่มีฤทธิ์กดประสาทหรือกระตุ้นประสาท ทำให้สูญเสียการควบคุมตัวเอง มึนงง สับสนความจำขาดหาย หรือหมดสติ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือรู้สึกอ่อนแรงผิดปกติ พูดไม่ชัด เดินเซ และร้ายแรงที่สุดอาจทำให้เสียชีวิตได้
นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผอ.สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กล่าวว่า ขอเตือนกลุ่มที่กำลังเตรียมการสังสรรค์ หรือมีกิจกรรมในช่วงวันวาเลนไทน์ ให้ระมัดระวังตนเองให้มาก ไม่พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มจากแก้วที่เปิดทิ้งไว้หรือรับเครื่องดื่มจากผู้อื่นที่ไม่น่าไว้วางใจ ไม่ทดลองใช้สารเสพติดทุกชนิด ไม่ว่าจะได้รับการชักชวนจากเพื่อนหรือบุคคลใกล้ชิด หากรู้สึกมึนงงหรือมีอาการผิดปกติ ให้รีบแจ้งเพื่อนหรือผู้ที่ไว้ใจเพื่อขอความช่วยเหลือ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่เปลี่ยวหรือแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนไปกับบุคคลที่เพิ่งรู้จัก อาจใช้แอปพลิเคชันแชร์สถานที่อยู่กับเพื่อนสนิทหรือครอบครัว เพื่อให้สามารถติดตามตัวได้ในกรณีฉุกเฉินและหมั่นสังเกตอาการของเพื่อนในกลุ่ม หากพบว่ามีอาการคล้ายเมาสุรา แม้ไม่ได้ดื่มหรือดื่มไปเพียงเล็กน้อย ให้รีบนำตัวออกจากสถานที่นั้นและนำส่งโรงพยาบาลทันที

ทั้งนี้หากประสบปัญหาเรื่องยาและสารเสพติด รวมถึงสุรา สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmnidat.go.th หรือเข้ารับการบำบัดรักษาได้ที่ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น โรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี หรือโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง

ด้าน นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เทศกาลวาเลนไทน์ ยังมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความรุนแรง ทั้งการดื่มแล้วขับ ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ทะเลาะวิวาท และการใช้ความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ เพราะการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้การตัดสินใจผิดพลาด ขาดสติ และขาดการยับยั้งชั่งใจ เพิ่มความเสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การตั้งครรภ์ไม่พร้อมและการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า หากจะมีเพศสัมพันธ์ควรป้องกันตัวเองและคู่ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อม และการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ และหากจะดื่มสังสรรค์ ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้างเสมอ เพราะไม่มีปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับใดที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ขอย้ำว่า การป้องกันที่ดีที่สุด คือการไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรคขอให้วาเลนไทน์นี้ ประชาชนห่างไกลความเสี่ยงจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เริ่มต้นความรักด้วยหัวใจไร้แอลกอฮอล์.