เมื่อวันที่ 14 ก.พ. เวลา 08.30 น. ที่อาคารรัฐสภา พรรคเพื่อไทย ได้จัดประชุมร่วมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และ สส.พรรคเพื่อไทย ยกเว้นพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้เพื่อหารือถึงทางออกกรณีที่องค์ประชุมล่ม ขณะที่มีการพิจารณาวาระพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 และนัดหารือกันใหม่ในวันนี้ (14 ก.พ.) โดยมีบรรดาแกนนำเข้าร่วมประชุม อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ และ สส.พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ

นายชูศักดิ์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ที่ประชุมวันนี้เห็นว่าเจตนาของฝ่ายต่างๆ คล้ายว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา ต้องการล้มร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่า หากร่างล้มไปก็จะเป็นปัญหา ต้องไปเริ่มต้นใหม่ ดังนั้น จึงคิดว่าการพิจารณาวันนี้ไม่ควรจะนำไปสู่การลงมติ อยากให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วันนี้ยังค้างอยู่ในสภา แล้วค่อยหาทางส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

“ถ้าให้มีการลงมติ สุดท้ายร่างนี้จะตกไป แล้วต้องไปเริ่มต้นกระบวนการใหม่ซึ่งยาว แล้วเราไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร จึงคิดว่าดีที่สุดคือใช้ชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน” นายชูศักดิ์ กล่าว  

เมื่อถามว่า พรรคประชาชนต้องการเดินหน้าต่อ แต่พรรคภูมิใจไทยไม่เอา จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ต้องไปคุยกับพรรคประชาชนให้รู้เรื่อง เพราะว่าหากเดินไปอย่างนี้มันก็ตก แล้วจะเลือกอย่างไร เราชะลอไว้ก่อนไม่ดีกว่าหรือ ส่วนคนที่จะไปคุยกับพรรคประชาชน น่าจะเป็นประธานวิป

เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้ทาง สว. มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ทางพรรคร่วมมีแนวคิดร่างคำถามของตัวเองยื่นเป็นญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ เสนอเป็นญัตติต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งแตกต่างจากญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียรยุระ สว. ทั้งนี้เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาด้วย ส่วนจะเสนอวันนี้หรือไม่ ก็กำลังคิดอยู่

เมื่อถามย้ำว่า ศาลจะรับหรือไม่ เพราะเคยยื่นแล้วศาลไม่รับ เพราะเคยมีคำวินิจฉัยชัดเจนอยู่แล้ว นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่เราเห็นเหมือนหรือต่างกันได้ แต่สถานการณ์ต่างจากครั้งที่แล้ว ซึ่งครั้งที่แล้ว ประธานสภาไม่ได้บรรจุเป็นวาระ แต่ครั้งนี้มีการบรรจุระเบียบวาระแล้ว และมีความขัดแย้งกัน เลยคิดว่าศาลจะรับวินิจฉัย

“ถ้าข้อยุติการบรรจุวาระนำไปสู่ความขัดแย้ง หากไม่เคลียร์ปัญหานี้ จะตอนไหนก็วนมาเหมือนเดิม เราคิดว่าอยากให้ปัญหานี้มันจบเสียก่อน” นายชูศักดิ์ กล่าว.