เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (14 ก.พ.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุมภายในเพื่อติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ต่างๆ และการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ตนไม่ได้เข้าประชุมดังกล่าว แต่จะเข้าก็ต่อเมื่อมีการประชุมวาระใหญ่ๆ เมื่อถามถึงเสียงเรียกร้องให้ตัดไฟฟ้าและสัญญาณอินเทอร์เน็ต รวมถึงงดส่งน้ำมันไปยังประเทศกัมพูชาด้วย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ไปถึงตรงนั้น ขอเวลาดำเนินการในส่วนที่มีมาตรการไปแล้วก่อน ทั้งนี้ จากการที่ตนไปตรวจพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณ จ.สระแก้ว นั้น ก็ได้ดูว่าจะรับมืออย่างไร หากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานจากเมียนมาไปอยู่ที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยขณะนี้เราเตรียมตัดสัญญาณต่างๆ ไว้แล้ว ส่วนจะใช้มาตรการเดียวกันที่ใช้กับกรณีของเมียนมาหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถคิดแทนเขาได้ว่าจะมาแบบไหน อีกทั้งสถานการณ์ชายแดนฝั่งกัมพูชา ก็ไม่เหมือนกับกรณีของเมียนมา

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการป้องปรามอย่างไร ถ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานจากเมียนมาไปกัมพูชาจริง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าเจอจริง ก็ค่อยว่ากัน ขอยืนยันว่าพร้อมรับมือและจัดการ เพราะขณะนี้เราเตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว อีกทั้งเห็นได้จากการประกาศซีลพื้นที่ชายแดน เราได้ดำเนินการเป็นขั้นตอนมา ซึ่งผลที่เกิดขึ้นตอนนี้ถือว่าดี รวมถึงทูตประเทศต่างๆ มาขอบคุณไทย ขณะที่ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มต่างๆ ประกาศว่าจะไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี

เมื่อถามถึงแผนดำเนินการเกี่ยวกับการรับตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประมาณ 7,000 คน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เคยพูดไปเยอะแล้ว แต่ถ้าพูดหมด ก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ทั้งนี้ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งตามขั้นตอน เมื่อมีการส่งตัวมาให้ไทย เราจะไม่รับเข้ามาทันที เพราะต้องมีกระบวนการคัดกรอง และมีประเทศรองรับก่อน เราจึงจะปล่อยเข้ามา และเราไม่เปิดใช้ชายแดนไทยเป็นศูนย์อพยพอีก

“อยากให้ดูที่การกระทำ เพราะหลายคนวิจารณ์ว่าการประกาศออกไปนั้น เป็นการเล่นละครอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งเราก็ทำให้ดูแล้ว รวมถึงมีนาย (ข้าราชการ) ต่างๆ เราก็เอาออกจากพื้นที่ และตั้งกรรมการตรวจสอบ ทุกอย่างก็ดำเนินการหมดแล้ว ดังนั้นขออย่าถามเพื่อให้เขาคิดต่อและเตรียมรับมือกับเราเลย ให้รอดูผลดีกว่า” รองนายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าแผนการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ จะทำให้ลดลงและหมดไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐบาลประกาศชัดเจนแล้วและเป็นไปตามสิ่งที่ดำเนินการไป อีกทั้งตนจะลงพื้นที่ตลอดภายใน 6 เดือนนี้

ต่อข้อถามถึงกรณีที่ พ.อ.หม่องชิตตู ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน บีจีเอฟ ออกแถลงการณ์ถึงนายภูมิธรรม โดยระบุว่าพร้อมร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนได้เห็นแถลงการณ์ดังกล่าวแล้ว และขอบคุณที่ส่งมา แต่เป้าหมายสูงสุดของเราคือทำอย่างไรเพื่อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ตามแนวชายแดนหมดไป และช่วยให้ประชาชนไม่ว่าเป็นคนของประเทศไหนได้กลับคืนถิ่น

เมื่อถามว่า พ.อ.หม่องชิตตูระบุว่าอยากได้คำแนะนำจากไทยในการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ก็จะถูกออกหมายจับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งเราจะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย