เมื่อวันที่ 18 ก.พ.นายแพทย์ เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ข้อความผ่านเพจ “หมอเจด” ระบุว่า

ไม่อยากเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ต้องทำ 5 ข้อนี้!

ถ้าพูดถึงมะเร็งกระเพาะอาหารหลายคนคิดว่าฟังดูไกลตัว แต่จริงๆ แล้วมันเป็นโรคที่แอบมาเงียบๆ แบบไม่ให้เราตั้งตัว  เพราะส่วนใหญ่กว่าจะเจอ ก็มักอยู่ในระยะที่ลุกลามไปเยอะแล้ว และใกล้ตัวกว่าที่คิด

แต่ไม่ต้องตกใจไปนะ  จริงๆเราสามารถลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้ แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน ลองดู 5 ข้อนี้ ลดโอกาสเสี่ยงไปเยอะ!

1. กินอาหารให้ดี ลดเค็ม ลดหมักดอง ลดของแปรรูป

บอกเลยว่าเรื่องของอาหารที่เรากินทุกวันมีผลต่อกระเพาะโดยตรง โดยเฉพาะ อาหารเค็มจัด ของหมักดอง และเนื้อแปรรูป ซึ่งหลายคนกินเป็นประจำแบบไม่รู้ตัว

อาหารเค็ม เช่น ปลาเค็ม กะปิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ของดองทั้งหลาย โซเดียมสูงปรี๊ด กินเยอะๆ ทำให้เยื่อบุกระเพาะอักเสบรื้อรัง เสี่ยงเป็นแผล และกลายเป็นเป็นมะเร็งได้

ของหมักดอง เช่น แหนม ไส้กรอกอีสาน ผักดอง พวกนี้มีสารไนไตรต์และไนเตรต ซึ่งอาจเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็งในกระเพาะ

เนื้อแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน พวกนี้ไม่ได้มีแค่สารกันบูด แต่ถ้าเอาไปปิ้งย่างจนไหม้เกรียมอีก ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเข้าไปใหญ่

แนะนำว่าพยายามกินอาหารสดใหม่ ลดของหมักดอง เนื้อแปรรูป กินผักผลไม้เยอะๆ จะดีกับกระเพาะกว่านะครัย

2. เลิกบุหรี่ ถ้าไม่สูบก็อย่าไปอยู่ใกล้คนสูบ

บุหรี่ไม่ได้ทำร้ายแค่ปอด แต่มันทำร้ายกระเพาะเราด้วย

สารพิษในบุหรี่ทำให้เยื่อบุกระเพาะอักเสบเรื้อรัง แถมยังไปกระตุ้นให้เชื้อ Helicobacter pylori (ตัวร้ายที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะ) โตไวขึ้น

คนที่สูบบุหรี่เสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารมากกว่าคนไม่สูบ 1.5-2.5 เท่า

ไม่สูบเอง แต่ดมควันบุหรี่บ่อยๆ ก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นถ้ายังสูบอยู่ ลองตัดใจแล้วเลิกดีกว่าแต่ถ้าไม่สูบ ก็พยายามเลี่ยงที่ที่มีควันบุหรี่ให้ได้มากที่สุดนะ

3. เช็กให้ชัวร์ ถ้ามีอาการผิดปกติ อาจติดเชื้อ H. pylori

เชื้อ Helicobacter pylori หรือ H. pylori เป็นแบคทีเรียที่อยู่ในกระเพาะอาหารของคนหลายคนแบบไม่รู้ตัว มันเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดแผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และสุดท้ายอาจกลายเป็นมะเร็งได้ ซึ่งเชื้อตัวนี้มันติดง่ายและติดซ้ำได้นะครับ

ถ้าใครมีอาการแบบนี้ผมแนะนำให้ตรวจนะ

•ถ้ามีอาการเรื้อรัง เช่น ปวดท้องบ่อย แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย

•มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร

•เคยเป็นแผลในกระเพาะบ่อยๆ หรือกินยาลดกรดเป็นประจำ

การตรวจมีทั้ง ตรวจลมหายใจ (Urea breath test), ตรวจอุจจาระ หรือส่องกล้อง ถ้าพบเชื้อ ก็กินยาฆ่าเชื้อพร้อมยาลดกรดให้ครบตามแพทย์สั่ง

ปัจจุบันมีชุดตรวจหาเชื้อจากอุจจาระได้ด้วยตัวเอง

ซึ่งสะดวกมกก คล้ายๆการตรวจโควิดเลย อันนี่แนะนะ ย้ำนะครับถ้ามีอาการผิดปกติ อย่าปล่อยผ่าน ไปตรวจดีกว่าครับ

4. กินผักผลไม้ให้เยอะขึ้น โดยเฉพาะพวกมีวิตามินซี

กินของดี ก็ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงมะเร็งได้ โดยเฉพาะ วิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระ และไฟเบอร์ ที่ช่วยป้องกันเยื่อบุกระเพาะจากสารก่อมะเร็ง

ผักสีเขียว-ส้มเหลือง เช่น คะน้า บรอกโคลี ฟักทอง แครอท มีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยปกป้องเซลล์

ชาเขียว มีโพลีฟีนอลช่วยต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง (แต่ไม่ต้องดื่มเยอะเกินไปนะ!)

เพราะฉันนั้นปรับง่ายๆ แค่เพิ่มผักผลไม้เข้าไปในทุกมื้อ แทนขนมหวานหรือของทอดก็พอ

5. ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายบ้าง อย่าปล่อยให้พุงยื่น

แค่เราน้ำหนักเกิน หรือมีไขมันสะสมรอบพุงเยอะเกินไป ก็เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารได้เหมือนกัน

ไขมันสะสมเยอะๆ ทำให้เกิด การอักเสบเรื้อรัง ในร่างกาย ซึ่งอาจกระตุ้นให้เซลล์ผิดปกติเติบโต

คนที่มี BMI สูง มีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารมากกว่าคนปกติ

การออกกำลังกายช่วย ควบคุมฮอร์โมนบางตัวที่อาจเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

แค่ออกกำลังกายง่ายๆ อย่างเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือโยคะ แค่150นาทีต่อสัปดาห์  ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้เยอะแล้ว

ฝากด้วยนะครับ  อยากห่างไกลจากมะเร็งกระเพาะอาหาร ทำ 5 ข้อที่พูดไปนะครับ

สุขภาพดีไม่ได้เริ่มที่ไหนไกล เริ่มต้นที่ตัวเราเอง แค่เปลี่ยนนิสัยการกินการใช้ชีวิตวันนี้ ก็จะลดความเสี่ยง มะเร็งกระเพาะอาหารได้ เคยมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะครับ