เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ดินเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ที่กระทรวงเกษตรฯ ระบุว่ามีการทับซ้อนกับที่ดิน ส.ป.ก. ว่า ไม่มีอะไรต้องชี้แจง เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ เป็นเรื่องของทางราชการกับราชการ ฉะนั้นไปว่ากัน 3 กระทรวง (กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงมหาดไทย) ก็ต้องไปพิสูจน์กัน เพราะประชาชนทั่วไปเข้าไม่ถึงข้อมูล

เมื่อถามว่า หากมีการขุดคุ้ยการขายตั้งแต่รุ่น 1 และรุ่น 2 ถ้าหากพบว่าผิด ยินดีคืนที่ดินดังกล่าวใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันไม่ได้ยินดีที่จะคืน ผิดก็คือผิด แต่ใครผิดไม่รู้ แต่คนที่ซื้อมาครอบครองโดยสุจริต เขาก็ผิดไม่ได้ ผู้ที่ซื้อที่ดินเป็นโฉนดในประเทศไทย ถ้าเชื่อโฉนดที่ออกไม่ได้แล้วจะเชื่ออะไรได้อีก อย่างที่เขาพูดกัน บางทีเอามาเป็นประเด็นทางการเมือง ตอนนี้ถามว่าใครเดือดร้อน ตนไม่ได้เดือดร้อนแต่เป็นชาวบ้าน และพอเป็นปัญหาก็เดือดร้อนกันไปหมด ก็ต้องดูว่าเขาจะรับผิดชอบอย่างไร

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ที่ดินข้อพิพาทดังกล่าวมีพื้นที่กว้าง ไม่ใช่เฉพาะที่ปากช่อง แต่รวมถึงเขาใหญ่ ไปโดนอะไรบ้างก็ต้องดูให้หมด ก็ต้องระวังนะ มีใครอยู่ตรงนั้นบ้าง ถ้าโดนก็ต้องโดน แล้วจะกล้าไหม ส่วนจะมีใครบ้างก็ต้องไปหาเอาเอง

เมื่อถามว่าทางครอบครัวจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ที่ทำให้เสียหาย นายอนุทิน ย้อนถามกลับว่า แล้วจะไปฟ้องอย่างไร เขาบอกว่าเขาสงสัย จะบอกว่าครอบครัวเสียหายก็ไม่ได้ เพราะครอบครัวของตนไม่ได้ตั้งใจจะขายที่ดินนี้ และสุดท้ายอย่างที่บอก หากการออกโฉนดผิด กรมที่ดินก็ต้องเพิกถอน และก็ต้องชดใช้จ่ายค่าที่ดินมา ซึ่งครอบครัวตนก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ชาวบ้านทั่วไปเสียหาย รวมถึงคนที่ไปลงทุนอื่นๆ ซึ่งครอบครัวตนไม่มีสนามกอล์ฟนี้ ก็ยังมีใช้ ตนแค่มีทรัพย์สินและกิจการอยู่ตรงนั้น แต่ประชาชนถ้าเขายังต้องยังชีพอยู่ตรงนั้น ประชาชนเขาก็เดือดร้อน

“ครอบครัวผมมีธุรกิจหลักเป็นของตัวเองกันอยู่แล้ว ตัวผมเองก็เลิกทำมากกว่า 20 ปีแล้ว ทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยเงินที่เก็บสะสมมาตั้งแต่ทำธุรกิจ แบ่งลูกแบ่งเต้าหมดแล้ว หย่าสองครั้งก็ดูแลเมียเก่าหมดแล้ว เหลือแต่แค่ผมไม่ได้ใช้อะไรเยอะแยะ แต่สงสารชาวบ้าน เพราะคนๆ เดียวต้องการเล่นการเมือง แล้วก็ไปทำให้เกิดความเสียหาย ตรงนั้นน่ะ ชาวบ้านทั่วไปน่าสงสารมากกว่า เพราะไม่เป็นธรรมกับชาวบ้าน ไปสั่งปิดร้านกาแฟเขา อย่างที่บอกต้องดูให้เยอะๆ ไอ้เส้นที่เขาขีดใครเป็นเจ้าของบ้าง ต้องทำให้หมดนะ ไม่ใช่มาถึงเวลามีเส้นประแบบนี้“ นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า จะเป็นในลักษณะที่ผ่านมาหรือไม่ แหย่แล้วก็เงียบไป นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน กว่าจะพิสูจน์กันแต่ละเรื่องต้องใช้เวลา 20 ถึง 30 ปี

นายอนุทิน ระบุอีกว่า ชาวบ้านแถวนั้นบางคนที่เห็นแก่อามิสสินจ้าง สุดท้ายก็ขายที่ไม่ได้ เพราะเห็นมีอยู่หลายแปลงเหมือนกัน พร้อมระบุว่ามันจะไม่ใช่แค่ปากช่อง เขาใหญ่ แต่จะลามไปทั่วประเทศ ต่อไปใครไปดูที่ดินที่ยังไม่ได้พัฒนา ก็จะไม่กล้าซื้อ แล้วการพัฒนาจะเกิดได้อย่างไร