หลังจากเซอร์ไพร้ส์เปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมใหม่ของพรรคเพื่อไทย พร้อมกับประกาศความในใจ “คุณพ่อ…อยากกลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง” เป็นกลยุทธ์ใหม่หวังให้ “อุ๊งอิ๊ง” สายเลือด “ชินวัตร” เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนรุ่นใหม่ แต่ถัดมาไม่กี่วัน นายชัยเกษม นิติศิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ก็ออกแถลงการณ์ ใช้หัวพรรคเพื่อไทย ผลักดันให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) มาตรา 112 และ มาตรา 116 ภายหลังจากที่ ผู้ชุมนุมเครือข่ายราษฎร ออกแถลงการณ์ประกาศจุดยืนขอยกเลิก มาตรา 112 ในวันเดียวกัน เพียงไม่กี่ชั่วโมง

โดยหมากเกมนี้ แกนนำบางกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง หวังเก็บแต้มเพิ่มกับ คนรุ่นใหม่ “ม็อบ 3 นิ้ว” ชิงเกมดึงมวลชนฐานเสียง พรรคก้าวไกล และความนิยมในคณะก้าวหน้า ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

แต่ล่าสุดพรรคเพื่อไทยก็พลิกท่าทีหลัง “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แตะเบรกไม่แก้ มาตรา 112 โดยย้ำชัด “ตัวกฎหมายไม่เคยมีปัญหา แต่คนที่เป็นปัญหาคือคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมและคนที่นำประเด็นนี้มาสร้างความแตกแยกในสังคมต่างหาก” ทำให้พรรคเพื่อไทยกลับลำทันที โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จัดแถลงข่าวชี้แจงแบบทันควันว่าพรรคเพื่อไทย ขอทำหน้าที่เป็นแค่ “คนกลาง” คอยประสานในการนำประเด็นการแก้ มาตรา 112 เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เช่น การตั้งกระทู้ถามสด การนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ชุดต่างๆ ในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อป้องกันไม่ให้นำปมร้อน มาตรา 112 ลงสู่ถนน สร้างความขัดแย้งให้กับบ้านเมืองระลอกใหม่

และถือว่าเป็นการปิดประตูตายสำหรับการแก้ไข มาตรา 112 เมื่อผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาลอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ประกาศแสดงจุดยืน รัฐบาลไม่แก้ มาตรา 112  ขออย่าทำลายสิ่งที่คนไทยเคารพนับถือ “การเมืองบางกลุ่มอาจจะไม่เข้าใจ แต่ผมหวังว่าในวันข้างหน้าจะเข้าใจมากยิ่งขึ้น ทุกประเทศมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณีมายาวนาน ไม่มีใครคิดจะลบล้างสิ่งดีๆ ที่สืบทอดกันมา แล้วทำสิ่งใหม่ที่ไม่มีกฎกติกา” นายกรัฐมนตรี ระบุ 

ขณะที่พรรคก้าวไกล ที่ถูกโดดเดี่ยวยังประกาศเดินหน้า แก้ มาตรา 112 ต่อไป ซึ่งทำให้พรรคฝ่ายค้านเสียงแตกซ้ำซาก เพราะเกมเดิมพันศึกเลือกตั้งครั้งหน้านั้นต่างกัน??

เนื่องจากศึกเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ถือว่ามีเดิมพันสูงสุดที่ต้องได้ ส.ส.เป็นที่ 1 เท่านั้น เพื่อกลับมาครองอำนาจเป็นรัฐบาลให้ได้ ดังนั้นคะแนนเสียงต้องเก็บทุกเม็ด ทั้งฐานเสียงระดับรากหญ้า และคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะฐานเสียงต่างจังหวัดระดับรากหญ้าที่มีความสำคัญ หากจะใช้โมเดลการแก้ มาตรา 112 มาร่วมปักธงหาเสียง ตรงนี้จะได้ไม่คุ้มเสีย

เพราะต้องไม่ลืมว่าพรรคเพื่อไทยมีภูมิคุ้มกันเรื่องการถูกยุบพรรคน้อยมาก เพราะยังมีบรรดา “นักร้อง” จ่อคิวจองกฐินเพียบ เอาแค่เรื่องล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ก็เรื่อง “คนนอก” แทรกแซงพรรคจากพิษวิดีโอคอลมาจากดูไบ

จึงไม่แปลกที่ “ทักษิณ” จะต้องรีบชักฟืนออกจากกองไฟ  เพราะวัคซีนคุ้มครองทางการเมืองก็ไม่มี แถมยังคิดจะเติมน้ำมันยี่ห้อ 112 เข้ามาอีก สุดท้ายความฝันที่อยากกลับบ้านแบบสวยๆ ก็ต้องร้องเพลงรอออกไปอีกแบบไร้อนาคต.