เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเข้าพบนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อรายงานกรณีร่วมกับตำรวจกัมพูชา ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา รวมทั้งหารือถึงการตั้งศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์

โดยก่อนการหารือ พล.ต.ต.ธัชชัย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า เป็นความร่วมมือระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ สมเด็จมหาบวรธิบดีฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ในการร่วมมือปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งวันที่ 21 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ตนได้รับมอบหมายให้ไปประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของสำนักงานใหญ่แห่งชาติกัมพูชา และวันที่ 22 ก.พ. 2568 และวันที่ 23 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ทางประเทศกัมพูชาทำการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

พล.ต.ต.ธัชชัย กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเลขคนไทยทั้งหมด เบื้องต้น มี 125 คน ซึ่งจะรอตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากกัมพูชาจะดำเนินการเข้าจับกุมกวาดล้างเพิ่มเติม ส่วนตัวจึงอยากเรียนให้ประชาชนได้ทราบว่า สิ่งนี้คือความร่วมมือระหว่างนายกฯ ไทย กับนายกฯ กัมพูชา ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนตัวเลขแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีการจับกุม ย้ำว่ายังมีจำนวนของชาวต่างชาติด้วยที่อยู่ในแก๊งค์ 

เมื่อถามต่อว่าโครงสร้างและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทางประเทศกัมพูชาจะไปดำเนินการเองใช่หรือไม่ พล.ต.ต. ธัชชัย กล่าวว่า ใช่ ขณะนี้เป็นเรื่องของกฎหมายกัมพูชา โดยทางกัมพูชาจะเก็บพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป

เมื่อถามว่ากรณีที่จะมีการตั้งศูนย์นั้น พล.ต.ต.ธัชชัย กล่าวว่า จะเป็นศูนย์ประสานงานระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจุดนี้หลังจากนี้จะต้องไปดำเนินการอีกส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตนขอขอบคุณประเทศกัมพูชาที่ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือทำงานร่วมกับไทยอย่างเต็มที่ในครั้งนี้

เมื่อถามอีกว่าเปอร์เซ็นต์ที่คนไทยถูกหลอก ส่วนใหญ่มาจากเมียวดี ประเทศเมียนมา หรือมาจากประเทศกัมพูชา พล.ต.ต.ธัชชัย กล่าวว่า คนไทยที่ถูกหลอกจะมาจากฝั่งประเทศกัมพูชา กับ ลาว ส่วนเมียวดี ประเทศเมียนมา จะเห็นภาพการใช้บัญชีม้าในการโอนเงิน แต่ไม่เห็นภาพว่าคนไทยไปหลอกอยู่ที่นั้น ส่วนเบื้องต้นที่ทางการเมียนมากับชนกลุ่มน้อยช่วยกันกวาดล้าง ยืนยันว่า ยังไม่เห็นคนไทยเกี่ยวข้องในพื้นที่เมียวดี