เมื่อวันที่ 27 ก.พ. จากกรณีที่บริษัทเอกชนของคนไทย ได้กว้านซื้อที่ดินชาวบ้าน ใน อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 1,500 ไร่ โดยที่ดินเหล่านั้นอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบม และป่าสียัด ซึ่งบางส่วนอยู่ระหว่างการสำรวจรายชื่อราษฎร เพื่อให้เข้าทำกินอย่างถูกต้องภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และบางส่วนได้จัดสรรที่ดินให้ราษฎรไปบ้างแล้ว และเมื่อรวบรวมที่ดินได้ตามเป้าประสงค์ บริษัทดังกล่าวจึงนำที่ดินนี้ไปขายให้กับกลุ่มนายทุนจากต่างชาติ เพื่อปลูกทุเรียน โดยทางเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ฉะเชิงเทรา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้เข้ายึดและจับกุม พบว่าได้มีการปลูกทุเรียนไปแล้ว 450 ไร่ และมีการสร้างสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา รวมถึง อาคารสำนักงาน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปลูกทุเรียน ให้เต็มพื้นที่ทั้ง 1,500 ไร่นั้น
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้ ทสจ.ฉะเชิงเทรา เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทางบริษัทที่ครอบครองที่ดินดังกล่าวแล้ว พร้อมกับให้กรมป่าไม้ยึดที่คืนมาทั้งหมด และได้สั่งทางอธิบดีกรมป่าไม้ ให้เอาที่ดินทั้งหมด มาทำเป็นป่าชุมชน ให้คนในชุมชนช่วยกันดูแลต่อไป ส่วนในทางคดีความ ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า เมื่อมีตัวอย่างเช่นนี้แล้ว คือ ได้รับแจกที่ดินตามโครงการ คทช. แล้วเอาไปขาย แบบขายปากเปล่าได้ ที่อื่นๆ ที่เวลานี้ ทางกระทรวงทรัพยากรฯ อยู่ระหว่างการเดินสายรวมกับทาง คทช. แจกสิทธิทำกินให้ชาวบ้านทั่วประเทศอยู่ จะมีการเอาเยี่ยงอย่าง เอาที่ดินไปขายด้วยหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ตามกฎหมายแล้ว ที่ดินที่ชาวบ้านได้รับสิทธิทำกินตามหลักการของ คทช. มีข้อกำหนดชัดเจนว่าทำอะไรได้บ้าง ที่สำคัญคือ ห้ามซื้อขายเด็ดขาด เพราะไม่มีเอกสารใดๆ ที่จะเป็นหลักฐานเพื่อการซื้อขาย
“พื้นที่อื่นๆ ยังไม่มีใครทำพฤติกรรมแบบที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว เราก็ยึดที่คืนก็จบ เพราะที่ไม่ได้ไปไหน แล้วเอาไปทำเป็นป่าชุมชน ซึ่งป่าชุมชนนั้นเป็นของชาวบ้านทุกคนในชุมชนนั้นๆ มีคณะกรรมการ เป็นเรื่องเป็นราวที่จะมาตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนคนที่ได้ที่แล้วเอาไปขายนั้น ตัดสิทธิขึ้นบัญชีดำตลอดไปเลย ไม่เฉพาะที่แห่งนี้ บอกไปถึงที่อื่นๆ ด้วยว่า หากทำผิดวัตถุประสงค์ของเรา ที่ต้องการให้ชาวบ้านมีที่ทำกิน ยึดที่คืน ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะไม่มีสิทธิใดๆ ในที่ดินของรัฐอีกต่อไป” ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าว
ด้านนายพันธ์ศักดิ์ ธรรมรัตน์ ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้ให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูล โดยไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน หมู่ต่างๆ ได้ความโดยสรุปว่า ผู้ใหญ่บ้านส่วนใหญ่ทราบดี ว่า ชาวบ้านได้ขายที่ดิน โดยขายแบบปากเปล่าให้กับนายทุนคนไทย ประเด็นคือ ผู้ใหญ่บ้านหลายคนหรือแทบทุกคน ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มีสิทธิเข้าจับกุมผู้ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติด้วย อีกประการคือ ในพื้นที่มีอาจจะมีผู้ที่มีอิทธิพลมากกว่าผู้ใหญ่บ้าน อย่างไรก็ตามเวลานี้ ทาง ทสจ. ได้รายงานเข้าไปให้ทาง กระทรวงทรัพยากรฯ ทราบแล้วว่า ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่บุกรุกครอบครอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบม และป่าสียัดแล้ว.