เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคประชาชนยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยเฉพาะเจาะจงไปที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียวนั้น จะมีการตรวจสอบในเรื่องของกองทัพและกลาโหมมากน้อยเพียงใด ว่า นายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐนาวาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เฉพาะเจาะจงไปที่นายกฯ เพียงคนเดียว ตนมองว่าจะทำให้สื่อมวลชนโฟกัสกับการอภิปรายได้ง่าย เพราะต้องยอมรับว่าหากมีเป้าหมายที่หลากหลาย
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า สื่อมวลชนอาจจะต้องนำข่าวจากรัฐมนตรีหลายท่านมาแปะเพื่อเรียบเรียงข่าว จนอาจจะขาดการโฟกัสและต่อเนื่อง ตนคิดว่าการโฟกัสไปที่คนเดียวจะทำให้สื่อมวลชนและประชาชนตามง่าย ว่าบุคคลนี้มีข้อบกพร่อง มีพฤติกรรมอย่างไร มีความประพฤติอย่างไร ที่ประชาชนไม่สมควรให้คนแบบนี้เป็นประมุขฝ่ายบริหารของประเทศอีกต่อไป และคอยทำหน้าที่บริหารเงินภาษีให้กับประชาชนอีกต่อไปอย่างไร “ตนรับรองได้เลยว่าพรุน”
เมื่อถามอีกว่าคาดหวังว่านายกฯ จะชี้แจงในเรื่องของกองทัพใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ถูกต้อง และตัวรัฐมนตรีอาจใช้สิทธิพาดพิงได้บ้าง แต่อย่าลืมว่าตามข้อบังคับผู้ที่จะอธิบายชี้แจงได้ ต้องเป็นผู้ถูกยื่นอภิปรายและในครั้งนี้มีผู้ถูกยื่นอภิปรายแค่เพียงคนเดียวที่ชื่อ และต้องตรวจบัตรประชาชนด้วยว่าใช่ชื่อ น.ส.แพทองธาร หรือไม่ ถ้าตรวจบัตรประชาชนแล้วพบว่าไม่ใช่จะอธิบายไม่ได้
“แต่เราก็ไม่รู้ใช่หรือไม่ ว่าจะมีบุคคลจากชั้น 14 ชั้น 15 ใส่หูฟังคอยบอกและพูดตามบทหรือไม่ หรือคอยเขียนสคริปต์ให้หรือไม่ ก็อาจจะทำได้ตามความร้อนใจของใครบางคน พี่อยากจะช่วยลูกช่วยหลาน ซึ่งเราก็ตอบไม่ได้ แต่คนที่จะตอบในสภาได้ต้องชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เท่านั้น ส่วนลูกสมุนต่างๆ ที่จะใช้สิทธิพาดพิงนั้น หรือจะใช้การประท้วงไร้สาระต่างๆ อย่าทำเลยเพราะมันเป็นการประจานตัวเองประจานองค์กรตัวเอง ต่อหน้าประชาชนกลางสภาเปล่าๆ” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามอีกว่าจะมีรัฐมนตรีช่วยตอบคำถามแทนได้หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า “วุฒิภาวะของรัฐมนตรีจะเป็นอย่างไร จะไม่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนั้นเหรอ เรื่องนี้ดิฉันขอชี้แจงตามที่รัฐมนตรีว่า เชิญรัฐมนตรีค่ะ ยิ่งทำให้ประชาชนรู้สึกว่าคนนี้ควรเป็นนายกฯ อยู่หรือไม่”
เมื่อถามอีกว่ากรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะมีการตั้งวอร์รูมเกิดขึ้น จะมีการสะท้อนอะไรหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า การตั้งวอร์รูมเป็นเรื่องปกติ “แต่การที่ให้พ่อมาช่วยตั้งวอร์รูมเป็นเรื่องผิดปกติ อายุขนาดนี้จะต้องให้พ่อมาช่วยตั้งวอร์รูมอีกหรือ การตั้งวอร์รูมเป็นเรื่องปกติ ถ้าหากมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาช่วยกันเตรียมตอบคำถาม ถามให้ท่านตอบดีกว่าตนไม่อยากตอบแทนท่าน”
เมื่อถามอีกว่าหากมีการตั้งวอร์รูมจริงในกรณีที่นายทักษิณถูกพาดพิง นายวิโรจน์ กล่าวว่า เนื้อหาสาระของญัตติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีการพูดถึงมีการโยงใยชักใยของบุคคลที่ชื่อว่านายทักษิณ และทางฝ่ายค้านก็ไม่ได้สนใจว่า
“คุณทักษิณ เป็นพ่อของใคร แต่หากมีหลักฐานว่าเป็นการโยงใยหรือชักใย และมีการอยู่เบื้องหลังหรือไม่ก็ทำอยู่เบื้องหน้าถ้าเป็นไปตามข้อเท็จจริงของญัตติมันก็ต้องพูด เพราะเป็นกลไกในรัฐธรรมนูญในการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล แต่จะเป็นการพูดในกรอบว่ามีการชักใยโยงใยอย่างไร รับรองว่าไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะพูดถึงคุณทักษิณขึ้นมา มันเป็นหน้าที่ของคุณทักษิณถ้าจะไปเที่ยวไหน จะไปทำอะไร แต่รู้สึกว่าจะไม่ได้เลี้ยงหลานแล้ว เพราะไม่ค่อยมีภาพเลี้ยงหลานเท่าไหร่เลย” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามอีกว่ากรณีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ได้เตือนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านในครั้งนี้ ว่าระวังถูกฟ้องร้องกลับหากมีการหมิ่นประมาทผู้อื่น นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นหน้าที่ของ สส.ที่ต้องอภิปรายอยู่แล้ว แต่ตนคิดว่าอะไรที่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนและสาธารณะ รวมถึงเป็นข้อเท็จจริง ก็ต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอยู่แล้ว ขอย้ำว่าการอภิปรายจะพุ่งเป้าไปที่ น.ส.แพทองธาร เราจะไม่พูดพาดพิงถึงนายทักษิณในทางที่ไม่ดี จะพูดในส่วนที่มีการชักใยโยงใยเพียงเท่านั้น
เมื่อถามอีกว่านายวิโรจน์จะมีหมัดเด็ดอะไรในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า หมัดเด็ดก็ต้องดู จะบอกก่อนได้อย่างไร ยืนยันว่ามีอีกหลายบุคคลที่มีหมัดเด็ด ความหมายของหมัดเด็ดคือเราไม่ได้ไปต่อว่าบุคคลใด แต่เป็นประเด็นที่ต้องชี้ให้สังคมรู้ว่าส่วนไหนไม่มีความเหมาะสม หรือมีคุณสมบัติ ส่วนไหนที่ไม่เพียงพอต่อการเป็นนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นความประพฤติในช่วงที่ผ่านมาและพฤติกรรมที่กำลังทำอยู่ ล้วนแต่จะเอาเปรียบสังคม เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบประเทศชาติ และไม่สามารถทำให้ประเทศชาติพัฒนาต่อไปได้ เรียกได้ว่าลืมนโยบายที่ให้ไว้กับรัฐสภาหมดสิ้นแล้ว
“ตนคิดว่าทางฝ่ายนั้นก็คงจะช็อก เพราะตอนแรกก็ลีลาจะขอ 5 วัน ตอนตัวเองเป็นฝ่ายค้านก็เรียกร้องจากรัฐบาลก่อนว่าต้องอธิบายอย่างเต็มที่ ตามกลไกของรัฐธรรมนูญและการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นกลไกสำคัญในการตรวจสอบอำนาจถ่วงดุลรัฐบาล แต่พอตัวเองเป็นรัฐบาลกับเรื่องที่ตัวเองเคยพูดไปกับรัฐบาลจนหมดสิ้นแล้ว ก็ไม่เป็นไรในเมื่อเวลาน้อยก็สอยตัวหลักเลย ผมว่าจี๊ดกว่าหรือว่าคิดว่าชั้น 14 จี๊ดกว่า แต่เดี๋ยวต้องมาเสียเวลาฟังคนอื่น ตอนนี้ไม่มีอะไรเลยฟันลูกสาวตัวเองพอ” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าฝ่ายค้านมีหมัดเด็ดแต่ท้ายที่สุดจะน็อกนายกฯ ได้ตามข้อกล่าวหาหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนคิดว่าหากประชาชนตั้งใจรับฟังและจับประเด็นที่เป็นไฮไลต์และเทียบเคียงกับการชี้แจงของนายกฯ โดยไม่สนใจบุคคลอื่นที่มาชี้แจงแทน โดยดูว่า นายกฯ จะตอบได้อย่างสมเหตุสมผลหรือไม่ ตนคิดว่าตรงนี้สำคัญกว่า