เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร และคณะ แถลงผลการประชุมคณะ กมธ. ว่า วันนี้รู้สึกลำบากใจที่มาแถลงการ เนื่องจากมีหลายประเด็นที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นและเป็นเรื่องที่จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ยากที่จะประเมินความเสียหายต่อไปได้ โดยในวันนี้คณะ กมธ. มีการพิจารณา 2 เรื่อง คือ

1. ติดตามการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ตามแนวชายแดนไทยฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งได้ข้อมูลที่มีประโยชน์หลายประเด็น โดยในเดือนมีนาคม 2568 คณะ กมธ. จะเดินทางไปที่ จ.สระแก้ว เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา ยังมีจำนวนมากนับร้อยจุด และเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องการการจัดการและแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม ซึ่งจะต้องมีการติดตามความคืบหน้าและจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นระยะ 

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า 2.แนวทางการวางยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ใหม่และสถานะของการพูดคุยสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง กมธ. ได้เชิญหลายหน่วยงานมาร่วมหารือ ไม่ว่าจะเป็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กองทัพบก (ทบ.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่นายภูมิธรรม ไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ แต่มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาชี้แจงแทน

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ซึ่งปรากฏว่า สมช. ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในวาระดังกล่าว และเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากที่รองนายกฯ มอบหมายบุคคลที่ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมกับ กมธ. ได้ อาจหมายความว่าท่านกำลังส่งสัญญาณว่าไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาการดับไฟใต้ นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ตำรวจภูธรภาค 9 (ภ.9) มาชี้แจงแทน ซึ่งมีการตอบกลับมาเป็นหนังสือว่า ไม่สามารถมาเข้าร่วมการตอบคำถามกับ กมธ. ได้ จึงเกิดคำถามว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องภาคใต้หรือไม่ เพราะเหตุใดจึงใช้วิธีการไม่มาชี้แจง ไม่มาตอบ หรือให้ข้อมูล และไม่แม้แต่แสดงความพยายามในการแก้ปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่มีการผลักดันชาวอุยกูร์กลับไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน 

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า โดย กมธ. จะมีการพิจารณาหารือแนวทางการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวในสัปดาห์หน้า สำหรับประเด็นนี้ กมธ. เห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและมีผลกระทบต่อความมั่นคงอย่างยิ่ง ทั้งในแง่ภาพลักษณ์ของประเทศไทย เนื่องจากไทยเป็นส่วนหนึ่งของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แต่วันนี้กลับผลักดันชาวอุยกูร์กลับไปอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งไม่สามารถอนุมานได้ว่าชะตากรรมของกลุ่มคนดังกล่าวจะเป็นอย่างไร รวมทั้งยังมีประเด็นการกระทำความผิดตามมาตรา 13 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 คือห้ามไม่ให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐขับไล่ ส่งกลับ หรือส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง 

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะไปตกอยู่ในอันตราย ซึ่งที่ผ่านมาในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็มีเหตุการณ์ผลักดันส่งกลุ่มคนดังกล่าว กลับไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงมาแล้ว การกระทำของรัฐบาลอาจส่งผลให้เกิดการก่อการร้ายดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ทำให้พี่น้องประชาชนที่ไม่ได้รับรู้การตัดสินใจนี้ ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนไปด้วย ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ย่อมส่งผลต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย และเป็นการส่งสัญญาณให้ทั่วโลกรับรู้ว่าประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่ปลอดภัย คำถามคือรัฐมนตรีและรัฐบาลนี้ จะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ รวมทั้งอาจทำให้เกิดผลกระทบและความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ซึ่งประเทศไทยอยู่ในฐานะที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกา จึงอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้สหรัฐอเมริกากระทำบางอย่างต่อประเทศไทยด้วยหรือไม่ และนำไปสู่การประเมินด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ตกต่ำมากขึ้น คณะ กมธ. จึงได้จัดตัดสินใจทำหนังสือเชิญบุคคลนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ, เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และมิตรประเทศต่าง ๆ 

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่เราในฐานะ กมธ. ซึ่งทำหน้าที่อยู่ในสถาบันนิติบัญญัติ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และต้องการแสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่อาจนำไปสู่การเสียหายหรือการก่อเหตุความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยเพื่อหาทางลดความเสียหายจากบรรดามิตรประเทศต่าง ๆ โดยในวันนี้ นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.พรรคประชาชน จะยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาต่อสภาในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากเรื่องนี้ เป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกที่รัฐบาลได้สร้างความผิดพลาดไปแล้ว