เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมระดับรัฐมนตรี 3 ฝ่าย ระหว่างไทย เมียนมา และจีน เพื่อประสานงานการปราบปรามการหลอกลวงทางโทรคมนาคม (ขบวนการคอลเซ็นเตอร์) ที่โรงแรมสุโกศล กรุงเทพฯ ช่วงบ่ายของวันนี้ (28 ก.พ.) โดยฝ่ายเมียนมา มีนายอ่อง จ่อ จ่อ รมช.มหาดไทยเมียนมา และฝ่ายจีน มีนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีน สำหรับคณะผู้แทนฝ่ายไทยประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง

ต่อมา เวลา 16.30 น. นายมาริษ แถลงผลการประชุม ว่า บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงทางออนไลน์ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โดยในที่ประชุมได้หารือถึงความร่วมมือเรื่องการบังคับใช้กฎหมายจริงจังเพื่อการปราบปราม รวมทั้งการพัฒนาความร่วมมือผ่านกลไกประสานงานที่มีอยู่แล้วให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยให้ผู้แทนฝ่ายความมั่นคงของสถานเอกอัครราชทูตของเมียนมาและจีนที่ประจำในไทย ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการร่วมกันแก้ไขปัญหา และทั้ง 3 ประเทศยกระดับความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศไปประสานงานต่อไป

นายมาริษ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเห็นพ้องถึงการดำเนินมาตรการของรัฐบาลไทยเพื่อไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ปฏิบัติการต่อไปได้ ทั้งมาตรการตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และตัดการส่งน้ำมันไปยังชายแดนเมียนมา ซึ่งส่งผลให้มีการปล่อยตัวชาวต่างชาติ 260 คน ในเมืองเมียวดี เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางความร่วมมือกันในการช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ได้รับการปล่อยตัว และส่งกลับสู่มาตุภูมิโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้มีชาวต่างชาติ ประมาณ 7,000 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ชาวจีน ประมาณ 5,000 คน ที่จีนมีกระบวนการรับตัวได้เลย และ 2.กลุ่มคนชาติอื่นอีกหลายประเทศ ซึ่งที่ประชุมได้หารือกัน โดยให้เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตของประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในประเทศไทย เดินทางไปเมืองเมียวดีของเมียนมา เพื่อสนับสนุนการยืนยันคนชาติตัวเอง รวมถึงจะประสานงานกับองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ องค์การโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ (ไอโอเอ็ม) เข้ามาร่วมมือด้วย


นายมาริษ กล่าวว่า จีนและเมียนมาขอบคุณไทยที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ และหลังจากนี้จะมีการประสานงานระหว่าง 3 ประเทศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องตามช่องทางที่ตกลงกันไว้ เพื่อร่วมกันปราบปรามกระบวนการหลอกลวงให้หมดไป พร้อมกับทยอยส่งชาวต่างชาติที่รับการปล่อยตัวจากเมียนมากลับประเทศ และตนขอย้ำว่าไทยได้ผลักดันเรื่องการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงทางออนไลน์ในกรอบประชุมต่างๆ มาระยะหนึ่งแล้ว รวมถึงการหารือกับผู้นำระดับสูงของทั้งจีนและเมียนมาอย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน

“การประชุมในวันนี้ถือเป็นโอกาสตอกย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาร่วมกับนานาประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงทางชายแดน และสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนชาวไทยและประชาชนในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ การที่ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างยิ่งกับจีนและเมียนมา ประกอบกับความตั้งใจที่ดีของประเทศทั้งสอง จึงทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างหลายหน่วยงานของ 3 ประเทศได้ ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจังและเด็ดขาดในอนาคต” นายมาริษ กล่าว.