เมื่อวันที่ 1 มี.ค. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยที่ประกอบด้วยนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ร่วมกันเดินทางไปส่งชาวอุยกูร์กลับไปพบกับครอบครัวนั้น โดยเลขาธิการ สมช. รายงานว่า หลังจากเดินทางส่งชาวอุยกูร์ถึงบ้านแล้ว ได้วางกรอบไว้ว่า นับจากนี้ไป ประมาณ 15-30 วัน คณะผู้แทนระดับสูงของไทยจะบินไปติดตามพันธสัญญาที่ไทยและจีนให้ไว้ต่อกันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง เลขาธิการ สมช. ระบุด้วยว่า ได้อยู่สังเกตการณ์และตรวจสอบชาวอุยกูร์ 40 คน ที่เดินทางถึงเมืองคาซือหรือคัชการ์ มณฑลซินเจียง ซึ่งเป็นเมืองที่ใกล้กับบ้านเกิดของชาวอุยกูร์กลุ่มดังกล่าวมากที่สุด
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า หลังจากชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ ได้รับการตรวจสุขภาพ และถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่อยู่ใกล้เมืองคาซือ ในระยะไม่เกิน 140 กิโลเมตร และกลุ่มที่อยู่ไกลจากเมืองคาซือ กว่า 1,000 กิโลเมตร เนื่องจากมณฑลซินเจียง มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าประเทศไทย 3 เท่า รัฐบาลจีนจึงจัดยานพาหนะเพื่อส่งกลับบ้านที่กระจายในหลายเมืองของมณฑลดังกล่าว อีกทั้ง เลขาธิการ สมช. พร้อมคณะได้ไปสังเกตการณ์การเดินทางส่งกลับชาวอุยกูร์ในจุดที่ห่างจากเมืองคาซือ ที่ อ.เจียซือ ห่างจากเมืองคาซือ ประมาณ 140 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา เวลา 14.00 น. โดยมีชาวอุยกูร์ที่ผ่านการตรวจสุขภาพเรียบร้อยแล้ว ได้เดินทางถึงบ้านเกิดด้วยความปลอดภัย และกลับไปอยู่กับครอบครัว ซึ่งพวกเขาแสดงความดีใจที่ได้กลับมาพบกับครอบครัว ขณะที่บางคนได้พบกับหลานๆ และสมาชิกใหม่ของครอบครัวเป็นครั้งแรก ส่วนบางคนที่พูดภาษาไทยได้บ้าง ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา

นายจิรายุ กล่าวว่า นอกจากนี้ คณะผู้แทนไทยได้ไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ยังอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ในโรงพยาบาลประจำ อ.เจียซือ ในเมืองคาซือ เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันเดียวกัน โดยชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ ได้ฝากความระลึกถึงและขอบคุณผู้แทนจากสำนักจุฬาราชมนตรีที่เข้ามาเยี่ยม และร่วมประกอบพิธีทางศาสนา รวมถึงเลี้ยงอาหารฮาลาลระหว่างที่อยู่ในห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ทั้งนี้ นายฉัตรชัยรายงานด้วยว่า จากการที่ตนพร้อม รอง ผบ.ตร. และคณะ มาสัมผัสด้วยตัวเอง รู้สึกได้ถึงความผูกพันระหว่างชาวอุยกูร์กับเจ้าหน้าที่ของ สตม. ทำให้การส่งกลับเป็นไปด้วยความเรียบร้อย


นายจิรายุ กล่าวว่า การพิจารณาส่งกลับในเรื่องนี้นั้น ประเทศไทยได้พิจารณาในทุกมิติ และพยายามเจรจากับรัฐบาลจีนมาตลอดระยะเวลา 10 ปี เพื่อกำหนดเงื่อนไขให้จีนรับรองความปลอดภัยของการส่งกลับชาวอุยกูร์กลุ่มดังกล่าว และต้องอนุญาตให้คณะผู้แทนไทยเดินทางไปเยี่ยมภายหลังจากการส่งกลับได้ จนกระทั่ง ในยุครัฐบาลปัจจุบัน รัฐบาลจีนได้มีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ และการพบปะหารือระดับผู้นำประเทศ ในช่วงนายกฯ เยือนจีนอย่างเป็นทางการ ทางการจีนยืนยันในหลักการรับรองความปลอดภัยอีกครั้ง นอกจากนี้ นายฉัตรชัย ระบุว่า ก่อนการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศ จีนได้ส่งคลิปวิดีโอญาติพี่น้องของผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ ที่แสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในบ้านเกิดของตัวเองในปัจจุบัน ซึ่งต่างจากเมื่อ 11 ปีที่แล้ว จนทำให้ชาวอุยกูร์ต้องการจะเดินทางกลับ เนื่องจากติดอยู่ในห้องกักมาเกือบ 10 ปี และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้นำเนื้อหาในหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการจากทางการจีน มาแปลเป็นภาษาอุยกูร์ เพื่อให้ชาวอุยกูร์ในห้องกักดู จนนำมาสู่การเดินทางกลับโดยสมัครใจ

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า คณะผู้แทนไทยจะเดินทางกลับมาถึงประเทศในวันที่ 2 มี.ค. นี้ และจัดทำสรุปรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบภายใน 7 วัน พร้อมยังมีการติดตามตรวจสอบตามว่า ชาวอุยกูร์ 40 คน ว่าจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีสิทธิเสรีภาพต่อไป ตามเจตจำนงของทั้ง 2 ประเทศ และคณะดังกล่าว จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์อีกครั้ง ในระยะเวลาประมาณ 15-30 วัน โดยจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนเดินทางด้วย