เมื่อวันที่ 4 มี.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านขอเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนเดียวนั้น น่าจะมีผลทางการเมืองอยู่ 6 ประการ คือ 1.เป็นการทำลายกล่องดวงใจของนายทักษิณ เพราะ น.ส.แพทองธาร ยังไม่รู้ว่าการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจคืออะไร คนที่กังวลใจ เดือดเนื้อร้อนใจ หรือมีความหนักใจน่าจะเป็นนายทักษิณมากกว่า 2.เป็นการล็อกเป้าให้ น.ส.แพทองธาร อยู่บนบัลลังก์เพื่อรับฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจตลอดเวลา ถ้ามีการอภิปรายรัฐมนตรีหลายคน อาจใช้โอกาสตอนที่อภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นๆ ชิ่งหนีออกจากสภากลับบ้านได้ 3.เป็นการประจานวุฒิภาวะและการตอบคำถามของ น.ส.แพทองธาร ว่ามีความสามารถมากน้อยแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาแค่ตอบกระทู้ถามสด ก็ยังบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยง เมื่อเจอกับอภิปรายไม่ไว้วางใจไฟต์บังคับ ก็หนีไม่ออก
นายเทพไท ระบุอีกว่า 4.เป็นการวัดใจความเป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลว่าแตกแถวบ้างหรือไม่ เพราะไม่มีคนของพรรคร่วมรัฐบาลถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงไม่มีการแลกคะแนนโหวต อาจทำให้มี สส.พรรคร่วมรัฐบาลโหวตแตกแถว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์ 5.เป็นการเปิดหน้าทีมองครักษ์ว่าใครคือสาวก หรือองครักษ์ตัวจริง ทำหน้าที่ได้ถูกใจนายใหญ่และนายน้อยมากที่สุด จะได้บันทึกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ มีการประท้วงมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 6.ได้ใช้โอกาสนี้ตีแผ่ เปิดโปงข้อมูล เกี่ยวกับการบริหารประเทศของ น.ส.แพทองธาร ให้ประชาชนรับทราบถึงความรู้ ความสามารถ และความเหมาะสมกับตำแหน่งนายกฯ และเรื่องความไม่ชอบมาพากล ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ให้มากที่สุด
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ แม้ น.ส.แพทองธาร ออกตัวว่าเป็นคนเจน Y แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ที่เป็นคนเจนไหน แต่อยู่ที่ความรู้ความสามารถของคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้ใช้เวทีอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของนายกฯ ได้เต็มที่ ไม่ต้องรอให้เป็นผู้นำให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาวิจารณ์กันตามความคิดของ น.ส.แพทองธาร” นายเทพไท ระบุ