จากกรณีกลุ่มลูกศิษย์ หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม หรือ พระราชมงคลวัชราจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์เจ้าอาวาสวัดธารทหาร หรือ ห้วยด้วน ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ธารทหาร อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนถอดถอนผู้ดูแลของหลวงพ่อพัฒน์ต่อกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ราชเลขาธิการสำนักพระราชวังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครสวรรค์ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เนื่องจากมีคนบางกลุ่มซึ่งเป็นคณะกรรมการฝ่ายฆราวาส ได้แสดงพฤติกรรมอันเป็นที่ไม่น่าไว้วางใจ โดยการนิมนต์หลวงพ่อพัฒน์ ออกจากวัดไปประกอบศาสนกิจบ่อยๆ เดินทางไปไกล จนเป็นเหตุให้ท่านหมดสติขณะออกกิจนิมนต์ ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสินแพทย์ จ.กาญจนบุรี จนเกิดความไม่พอใจกับศิษยานุศิษย์ อีกทั้งยังเป็นประเด็นให้สังคมและผู้ที่มีความเคารพศรัทธาในหลวงปู่พัฒน์ ได้ทวงถามถึงการบริหารจัดการกิจนิมนต์และการดูแลสุขภาพของท่าน เพราะด้วยสภาพสังขารของท่านที่มีอายุ 100 กว่าปี พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ที่ใกล้ชิดหลวงพ่อ นั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ บก.ปปป. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากทาง บก.ปปป. ได้รับหนังสือร้องเรียน และมีการร้องเรียนโดยตรงให้ตรวจสอบพฤติกรรมของไวยาวัจกร คณะกรรมการและบุคคลใกล้ชิดชิด ว่ามีการนำเงินของวัดไปใช้ส่วนตัวหรือไม่ ซึ่งวานนี้ทาง บก.ปปป. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งขอเข้าพบหลวงพ่อพัฒน์ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบครั้งนี้ โดยหลวงพ่อได้เข้าใจเจตนาของทางเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเอกสารหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะเอกสารการจัดสร้างวัตถุมงคล รวมทั้งตรวจสอบรายได้ของวัด และเงินที่ได้รับบริจาค ซึ่งหลังจากนี้จะนำเอกสารทั้งหมดไปตรวจสอบ ก่อนคัดแยกที่มาของรายรับรายจ่ายทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบข้อมูลจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ถูกร้องเรียน ว่า มีเงินอยู่ในบัญชีผู้ที่ถูกร้องเรียนกว่า 60 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นๆ หลายรายการ เบื้องต้นจึงทำเรื่องขออายัดเงินสด พร้อมทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ โดยวันอังคารที่ 9 พ.ย. ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จะเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นกลุ่มคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์ เข้าให้ข้อมูลถึงที่มาของเงินดังกล่าว รวมถึงข้อมูลที่ทางชุดสืบสวนได้มา อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ทางเจ้าหน้าที่ บก.ปปป จะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม สามารถคลายข้อสงสัยให้บรรดาลูกศิษย์และประชาชนที่รอคำตอบให้กระจ่างชัดมากที่สุด

รายงานข่าวแจ้งว่า มีการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 ราย เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวลำดับที่ 1. นายสว่าง (นามสมมุติ) อายุ 65 ปี ประธานฝ่ายฆราวาส หรือ ไวยาวัจกร และเป็นหลานของหลวงพ่อ เป็นเงินจำนวน 50 ล้าน เนื่องจากเจ้าตัวไม่สามารถชี้แจงเส้นทางการเงินได้ 2.นางวาด (นามสมมุติ) อายุ 58 ปี คณะกรรมการ เป็นเงิน 4 ล้านบาท หลานห่างๆ ของหลวงพ่อ และลำดับที่ 3.นางสาวสมใจ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี คณะกรรมการ ลูกสาวของนางวาด เป็นเงิน 2 ล้านกว่าบาท.