สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ว่า มาครงกล่าวว่าฝรั่งเศส “มีความกังวลอย่างแท้จริง” เกี่ยวกับการเริ่มต้นของ “ยุคใหม่” หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐในประเด็นเกี่ยวกับยูเครน และเสี่ยงที่จะทำให้รัฐบาลวอชิงตันแตกหักครั้งใหญ่กับยุโรป

“ผมอยากเชื่อว่า สหรัฐจะอยู่เคียงข้างเรา แต่เราต้องเตรียมพร้อม ในกรณีที่ไม่เป็นเช่นนั้น และอนาคตของยุโรป ไม่จำเป็นต้องตัดสินในรัฐบาลวอชิงตัน หรือรัฐบาลมอสโก” มาครง กล่าวเพิ่มเติม

แม้ทรัมป์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความปรารถนาที่จะยุติสงครามในยูเครน อันเกิดจากปฏิบัติการทางทหารเต็มรูปแบบของรัสเซีย เมื่อปี 2565 ผ่านการเจรจาโดยตรงกับรัฐบาลมอสโก แต่มาครงระบุถึงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวของรัสเซีย ซึ่งกลายเป็นภัยคุกคามต่อฝรั่งเศสและยุโรปแล้ว

ก่อนการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป (อียู) เกี่ยวกับการเสริมกำลังของทวีปยุโรป มาครงเน้นย้ำถึงความจำเป็นของ “ทางเลือกงบประมาณใหม่ และการลงทุนเพิ่มเติม” เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมในฝรั่งเศส พร้อมกับเสริมว่า เขาจะเปิดการอภิปรายเกี่ยวกับการขยายการป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ต่อประเทศอื่น ๆ ในยุโรปด้วย

นอกจากนี้ มาครงยังเตือนว่า รัสเซียไม่น่าไว้วางใจในการรักษาคำพูดอีกต่อไป และเมื่อมีการลงนามในข้อตกลงสันติภาพแล้ว ประเทศพันธมิตรของยูเครนต้องทำให้แน่ใจว่า รัสเซียจะไม่รุกรานยูเครนอีก

“ยุโรปสามารถส่งกองกำลังทหารไปยังยูเครนได้ หากมีการลงนามในข้อตกลงสันติภาพ เพื่อเป็นหลักประกันว่า ข้อตกลงดังกล่าวได้รับความเคารพอย่างเต็มที่” มาครง กล่าวทิ้งท้าย.

เครดิตภาพ : AFP