เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่รัฐสภา นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ประธานคณะ กมธ.การสาธารณสุข และคณะ แถลงถึงการพิจารณาศึกษาสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลในกองทุนประกันสังคม และความไม่เทียมกันระหว่างสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) กับสิทธิประกันสังคม ว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนมีความพึงพอใจในสิทธิบัตรทองมากกว่าประกันสังคม เช่น เรื่องการรักษารากฟัน  ประกันสังคมให้สิทธิไม่เกินปีละ 900 บาท แต่บัตรทองครอบคลุมกว้างขวางไปจนถึงการรักษารากฟันหรือการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง บัตรทองสามารถทำได้ทันที แต่ประกันสังคมจะมีการสอบถามก่อน หรืออาจต้องสำรองจ่ายไปก่อน  ที่ประชุมจึงมีการพูดคุยกันอย่างหลากหลายและมีมติส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ                                                                                                                                                                                              

นพ.ทศพร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในระหว่างที่รอการพิจารณา สำนักงานประกันสังคมก็ควรเพิ่มงบประมาณให้เพียงพอต่อการรักษาพยาบาลให้เทียบเท่าสิทธิบัตรทอง หรือขยายสิทธิประกันสังคมเพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถรับยาในร้านที่ สปสช. กำกับดูแลด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ กมธ. ยังได้แต่งตั้งคณะอนุ กมธ.พิจารณาศึกษาการพัฒนาระบบบริการสุขภาพเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ในการศึกษาระบบรักษาพยาบาลทั้งสามกองทุน และในสัปดาห์หน้า คณะ กมธ.จะไปเยี่ยมเยียนสำนักงานประกันสังคมเพื่อพูดคุยกับเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และหากได้เจอ รมว.แรงงานด้วยก็จะเป็นเรื่องดี

ด้าน น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ รองประธานคณะ กมธ. คนที่หนึ่ง กล่าวว่า กมธ.ได้มีมติ ขอให้ สปสช. และประกันสังคมส่งบันทึกการประชุม 23 ปี ย้อนหลัง เกี่ยวกับการสร้างความกลมกลืนระหว่างสิทธิที่คณะกรรมการประสานงาน 3 กองทุน ได้จัดประชุมร่วมกัน เพื่อศึกษาอุปสรรคของการลดความเหลื่อมล้ำและร่วมผลักดันการบริการสุขภาพที่เป็นธรรมต่อไป โดยขอให้ตัวแทน สปสช. และประกันสังคมส่งเอกสารให้คณะ กมธ. ภายใน 15 วัน นอกจากนี้ จากการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาค่ารักษาพยาบาลของสวัสดิการรักษาพยาบาลของประเทศไทย ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร เป็นประธาน เสนอให้คณะกรรมการชุดนี้ดำเนินการประเมินทางเลือกแนวทางกำกับดูแลระหว่างระบบสุขภาพเพื่อลดความเหลื่อมล้ำสิทธิการรักษาระหว่าง 3 ระบบ โดยควรกำหนดเป้าหมายและโรดแม็พการทำงานที่ชัดเจน รายงานความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และควรเชิญภาคประชาสังคมมาร่วมในคณะกรรมการด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดนี้จะประชุมนัดแรกในวันที่ 12 มี.ค. 2568 ทางคณะ กมธ.จะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้าน นพ.อลงกต มณีกาศ รองประธานคณะ กมธ. คนที่สาม กล่าวว่า การใช้สิทธิบัตรทองนับวันยิ่งมีการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกันผู้ถือสิทธิประกันสังคมกลับไม่มีการพัฒนาเรื่องสิทธิประโยชน์การรักษาต่างๆ ทั้งที่ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนทุกเดือน จึงฝากไปยังบอร์ดแพทย์ชุดใหม่ที่กำลังจะมีการแต่งตั้งว่า ควรคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานของผู้ประกันตนให้ใกล้เคียงกับบัตรทอง

น.ส.สิริลภัส กองตระการ โฆษกคณะ กมธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สิทธิในการเข้าถึงการรักษาควรเป็นสิทธิที่เท่าเทียมและไม่มีความเหลื่อมล้ำ แต่ในปัจจุบันผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินมากกว่า ทั้งที่ได้รับสิทธิการรักษาแตกต่างกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามทุกคนควรมีสิทธิเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างเท่าเทียม และตามมาตรา 66 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 กำหนดให้หน่วยงานที่กำกับดูแลสิทธิการรักษาต้องมีการพูดคุยกันในระยะเวลาหนึ่งปี หรือหากจะขยายระยะเวลาต้องชี้แจงถึงผลว่าเพราะอะไรถึงยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องการสิทธิการรักษาพยาบาล 23 ปีที่รอคอย ยังไม่มีการชี้แจงเหตุผลว่าจะมีข้อสรุปอย่างไร และขอให้มีการเปิดเผยว่าได้มีการประชุมกันจริงหรือไม่ ซึ่งหากสำนักงานประกันสังคมไม่สามารถบริหารจัดการเรื่องสิทธิการรักษาพยาบาลได้  กมธ.ได้เสนอว่าสำนักงานประกันสังคมควรไปดูแลสวัสดิการในส่วนอื่นและมอบหมายหน้าที่ด้านสุขภาพให้ สปสช. เป็นผู้ดูแลแทน.