สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ว่าสำนักงานบริหารจัดการส่วนกลาง ( จีเอสเอ ) ออกแถลงการณ์ ยุติการมอบเงินทุน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 13,488 ล้านบาท ) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่นครนิวยอร์ก “เนื่องจากเป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา ที่ยังคงเพิกเฉย ในการจัดการกับการเลือกปฏิบัติต่อนักศึกษาเชื้อสายยิว”
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า มาตรการดังกล่าว “เป็นเพียงจุดเริ่มต้น” และเตือนว่า การตัดงบประมาณสนับสนุนอีก 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 168,600 ล้านบาท ) “กำลังจะตามมา”
Trump administration yanks $400M in grants, contracts from Columbia University over antisemitism https://t.co/yaa3Pjw6bc pic.twitter.com/HrLJJ38r1j
— New York Post (@nypost) March 7, 2025
ขณะที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่ากำลังศึกษารายละเอียดทั้งหมด และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถเจรจากับรัฐบาลกลาง เพื่อกลับมารับความสนับสนุนได้อีกครั้ง
เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผูันำสหรัฐ โพสต์ข้อความบนทรูธ โซเชียล ว่ารัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน จะยุติมอบความสนับสนุนให้แก่มหาวิทยาลัยแห่งใดก็ตามในประเทศ “ที่อนุญาตให้มีการประท้วงอย่างผิดกฎหมาย” นักศึกษาชาวอเมริกันซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านั้น “ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย” ส่วนนักศึกษาชาวต่างชาติ “จะถูกเนรเทศ”
แม้ทรัมป์ยังไม่ได้กล่าวว่า การชุมนุมแบบใดถือเป็น “การประท้วงที่ผิดกฎหมาย” อย่างไรก็ตาม ท่าทีดังกล่าวของผู้นำสหรัฐเกิดขึ้น หลังมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนหลายแห่งในประเทศ กลายเป็นพื้นที่ประท้วงยาวนานของบรรดานักศึกษา ในการแสดงจุดยืนต่อต้านอิสราเอลและสนับสนุนปาเลสไตน์ ตั้งแต่สงครามปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 หนึ่งในนั้นคือ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย.
เครดิตภาพ : AFP