ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายการโหนกระแส ซึ่งมีผู้ดำเนินรายการ “กรรชัย กำเนิดพลอย” และแขกรับเชิญในรายการ “พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร” ซึ่งเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา “ผกก.โจ้”, หมอหมู-รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี ซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ), ทนายแก้ว-มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล และ “ยุทธ บางขวาง” เป็นอดีตผู้ควบคุมเรือนจำบางขวาง ที่จะมาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวของ อดีต “ผกก.โจ้” และวิเคราะห์ปมดับในคุก หลังมีผลชันสูตรผู้กำกับโจ้ใช้ผ้าขนหนูปลิดชีพ และเจอแผลถลอก
โดย พล.ต.ท.เรวัช อธิบายว่า “จากที่ฟังจากญาติและทนายความแถลงมา คือ ไม่ได้ร้องขอ ซึ่งประเด็นที่แจ้งความร้องทุกข์ คือ ผู้คุมทำร้ายร่างกาย “ผกก.โจ้” และทางผู้ใหญ่น่าจะหมายถึง “ผู้บัญชาการ” ไปเคลียร์ให้ถอนเรื่อง ถ้าหากไม่ถอนเรื่องจะทำการย้าย และส่งไปให้เรือนจำที่นั่นที่นี่ จึงทำให้เกิดความกลัว เลยทำให้ถอนเรื่อง แต่ส่วนประเด็นที่ขัดแย้งระหว่างหน่วยงาน ตนคิดว่าการประสานงานไม่เพียงพอมากกว่า”

อีกทั้ง “เรื่องนี้ไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมพ้น อีกทั้ง ที่ “ผกก.โจ้” ติดคุก เนื่องจากเอาถุงดำไปคลุมผู้ก่อเหตุ ถ้าหากให้เรื่องจบ ต้องเอากล้องวงจรปิดมาเปิดไทม์ไลน์ 24 ชั่วโมง และตนมีความคิดเห็นว่า ที่ผู้บัญชาการเรือนจำไม่เปิดนั้น เพราะมีเหตุผลของท่าน ซึ่งเดี๋ยวคนที่แหกคุกจะรู้ตัว แต่มีความจำเป็นแล้ว เพราะรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง หรือ “พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง” อนุญาตแล้ว ก็ควรเปิดในจุดที่ควรจะเปิด จะได้หมดข้อสงสัยว่า มีคนเข้าไปจริงๆ นะ หรือ “ผกก.โจ้” ปลิดชีพตัวเองจริงหรือไม่ ซึ่งทางคุณหมอได้ให้น้ำหนักไปในทางฆ่าตัวตาย”
นอกจากนี้ พล.ต.ท.เรวัช ยังอธิบายเพิ่มอีกว่า “เรื่องนี้ตนและบุคคลอื่นยังสงสัย เนื่องจากตอนนี้ที่แถลงว่า “ผกก.โจ้” ปลิดชีพตัวเองนั้น ผ้าขนหนูที่ใช้มีความกว้าง 30 เซนติเมตร และยาว 40 เซนติเมตร ซึ่งมีความสั้นและไม่สามารถผูกได้ อีกทั้ง ยังตั้งข้อสันนิษฐานอีกว่า มีใครไปจับมัด หรือดึงแขนลงมาหรือไม่ แต่ถ้ากล้องวงจรปิดจะสามารถยืนยันได้ จึงต้องให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ต้องทำความกระจ่าง ส่วนประเด็นที่ผู้คุมไปทำร้ายร่างกายนั้น ปกติตำรวจมียศ ผู้คุมไม่กล้าซ้อม”
ต่อมา ยุทธ บางขวาง ได้ชี้แจงเพิ่มว่า “หน่วยงานที่ติดคุกเยอะที่สุด คือ ตำรวจ เพราะทำสิ่งล่อแหลมมาก และถ้าไม่กระทำผิดจะคุยกันเอง แต่ในกฎของเรือนจำ ต้องเป็นไปทำตามขั้นตอนนั่นเอง”

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ หมอหมูมองนั้น ได้อธิบายว่า “จากข่าวที่มีการผ่าชันสูตรศพ ไม่พบบาดแผลที่เข้าข่ายการฆาตกรรมที่ท่านเรวัชพูดอยู่ แต่แนวโน้มเป็นเรื่องการฆ่าตัวตายมากกว่า แต่ขั้นตอนยังไม่จบเท่านั้น และถ้าตั้งประเด็นฆาตกรรมจะมี 2 ลักษณะ คือ ถ้ามีสติจะถูกรัดคอ ก็จะมีการต่อสู้ และมีบาดแผลตามร่างกาย และถ้าหากไม่มีสติ อาจจะตีด้วยศีรษะให้สลบ ซึ่งกรณีอย่างที่ 2 มีการตรวจสอบแล้วพบว่า “ไม่มีบาดแผล” และประเด็นสุดท้าย อาจจะเป็นยาหรือสารเข้าไปทำปฏิกิริยาต่อประสาทหรือไม่ ถ้ามี ก็เข้าข่ายฆาตกรรม ถ้าไม่มีจะเป็นการฆ่าตัวตาย แต่การเปิดกล้องวงจรปิดจะคลายข้อสงสัยมากขึ้น”
ขอบคุณข้อมูล : รายการโหนกระแส