เมื่อวันที่ 11 มี.ค. เวลา 09.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่หลายฝ่ายมีข้อสงสัยเรื่องการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ ในเรือนจำ และมีเสียงเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรม นำภาพวงจรปิดฉบับเต็มมาเปิดเผย ว่า พนักงานสอบสวนเอาเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดไปแล้ว ซึ่งมีภาพวงจรปิดในเบื้องต้นให้กระบวนการสอบสวนดำเนินการ เนื่องจากเป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ ส่วนรายละเอียด หากสื่อสงสัยก็ขอให้ราชทัณฑ์เปิดให้ดูทั้งหมด ทุกแง่มุมดูได้ แต่ส่วนที่พนักงานสอบสวนยึดไปแล้ว อาจต้องประสานพนักงานสอบสวนเอง นอกจากนี้ ตนได้สั่งให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการอุ้มหาย ไปตรวจสอบข้อมูล ซึ่งทราบว่าขณะนี้มีการร้องไปที่อัยการและกระทรวงยุติธรรม
รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม และจะเร่งทำให้เกิดความกระจ่างเร็วที่สุด โดยมีพยานหลักฐานชี้ชัดคือผลการชันสูตรพลิกศพของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งจะมี 2 ส่วน คือ สาเหตุการเสียชีวิต และก่อนเสียชีวิตมีการทรมานหรือไม่ ขณะที่กระทรวงยุติธรรม การจะไปตรวจสอบเรื่องการบังคับบัญชา การบริหารภายใน และรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งกรมราชทัณฑ์แต่งตั้งคณะกรรมการที่มีหลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงเปิดโอกาสให้คนนอกด้วย
เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่ากระทรวงยุติธรรม ไม่ได้ปกป้องบุคลากรและองค์กรของตัวเอง เนื่องจากมักมีการให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนเป็นรายวัน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่คิดจะปกป้อง แต่ต้องช่วยกันตรวจสอบให้ความจริงปรากฏ และเราต้องการปฏิรูปกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือนจำคลองเปรม ซึ่งเป็นเรือนจำที่มีผู้ต้องขังมากที่สุด ประมาณ 6,000 คน
“เราจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง อย่างตรงไปตรงมา เรือนจำไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร และเราต้องดูแลผู้ต้องขังทุกคน เพื่อให้เป็นสถานที่ฟื้นฟู ไม่ใช่สถานที่มาทรมานใคร และเป็นไปตามกฎระเบียบของเรือนจำ ใครทำผิด ก็ว่ากันไป วันนี้สังคมอยากให้มีการสอบสวน เราก็ดำเนินการอยู่ เรื่องของกฎหมายก็ให้ตำรวจดำเนินการ และทำให้รวดเร็ว ทั้งสาเหตุการตาย และมูลเหตุที่ทำให้เขาตาย และต้องดูว่าปฏิบัติผิดกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ ผมสั่งการให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์รับฟังความคิดเห็นของคณะกรรมการ 19 คน ว่าเรือนจำคลองเปรมมีอะไรต้องปรับปรุงหรือไม่” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
เมื่อถามว่าผู้บัญชาการเรือนจำที่ถูกมองว่าเป็นคู่กรณีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เพราะญาติไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. จะต้องสั่งการให้ย้ายออกจากตำแหน่งก่อนหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขอเวลาให้คณะกรรมการดำเนินการสอบสวน แต่ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ต้องดู และผู้บัญชาการเรือนจำ ก็เพิ่งมารับตำแหน่ง ทั้งนี้เราต้องฟังความทั้ง 2 ข้าง เมื่อถามอีกว่ากรณีที่ฝ่ายค้านจะลงพื้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายวันนี้ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หากตนไม่ติดภารกิจ ครม. ก็จะไปร่วมด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงสิ่งของที่เรือนจำอนุญาตให้ผู้ต้องขังนำไปใช้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าขนหนูที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ใช้ ซึ่งแตกต่างจากเรือนจำอื่น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลักฐานในการซื้อ ว่าผ้าขนหนูที่กรมราชทัณฑ์แจกให้คนละ 1 ผืน โดยรายละเอียดแต่ละเรือนจำก็ว่าไป แต่จะให้มีการสอบสวนว่าเรือนจำไหนไม่แจก มีเหตุผลอะไร แต่ตนยืนยันว่า ผ้าขนหนูเป็นของหลวง ไม่ใช่ของผู้ต้องขัง ซึ่งเรือนจำต้องดูแลทั้งเรื่องการกิน การอยู่ การนอน และเสื้อผ้า
“ผ้าขนหนูไม่ว่าจะเป็นแดนไหน ก็ต้องมีขนาดเดียวกัน แต่บางเรือนจำก็ไม่ให้มีขนาดที่ใหญ่เกินไป ขึ้นอยู่กับเหตุผลของแต่ละเรือนจำ ซี่งผ้าขนหนูที่มีขนาด 30-40 นิ้ว ทางเรือนจำเป็นคนซื้อให้ ในแต่ละยุคมีการปรับเปลี่ยนขนาดของผ้าขนหนู แต่ปัจจุบันเป็นขนาดที่บอกไป เพราะเราจะมีการปฏิรูประบบอยู่แล้ว โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะเหลือเพียงนักโทษระวาง ส่วนนักโทษเด็ดขาด ส่งไปที่เรือนจำคลองเปรม ให้แยกกันอยู่ชัดเจน” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี ยังกล่าวถึงกรณีนักโทษที่อยู่ข้างห้องขัง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ว่า ข้อมูลที่ตนพูดไปเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา มีความคลาดเคลื่อน ทั้งนี้ ในเรือนจำมีนักโทษที่เป็น LGBTQ ประมาณ 88 คน ซึ่งมีผู้ที่แปลงเพศแล้ว 18 คน ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ตนยืนอยู่กับปลัดกระทรวงยุติธรรม และได้ยินเสียงนักโทษห้องข้างๆ ไม่ค่อยชัดเจน ตนจึงสั่งการให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมไปพูดคุยและสอบถามว่าเห็นหรือได้ยินเหตุการณ์หรือไม่ เจตนาคือการหาพยานในที่เกิดเหตุ เพียงแต่ภาพที่เห็นเขาคล้ายผู้หญิง จึงเข้าใจคลาดเคลื่อน
เมื่อถามว่าจำต้องกวดขันกฎระเบียบภายในเรือนหรือไม่ เพราะจุดเล็กๆ คือการสูบยาเส้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อาจเป็นเพียงเสียงบอกเล่า ต้องรอให้คณะกรรมการตรวจสอบ
เมื่อถามว่า อยากให้ชี้แจงระเบียบของกระทรวงยุติธรรม ที่ ผบ.เรือนจำ ได้กล่าวอ้างว่าไม่สามารถให้ตำรวจเข้าสอบสวน หลังได้รับการร้องเรียนจาก พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ว่าถูกทำร้ายร่างกาย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์มีระเบียบ คนจะเข้าราชทัณฑ์หากไม่มีหมายจำคุก ก็เข้าไม่ได้ คนที่จะเข้าไปเยี่ยมต้องขออนุญาตจาก ผบ.เรือนจำ ก่อนว่าเข้าไปทำหน้าที่อะไร ซึ่งยอมรับว่าการเข้าไปสอบสวนก็มีระเบียบ แต่การสอบสวนเป็นกฎหมายที่ใหญ่กว่ากฎหมายราชทัณฑ์ จะต้องให้ความร่วมมือ เพราะต้องสอบสวนโดยเร็ว
เมื่อถามว่าเพราะเหตุใด ผบ.เรือนจำ จึงอ้างระเบียบของกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป็นคำกล่าวอ้าง รอให้คณะกรรมการตรวจสอบ จากนั้นจะพิจารณา ผบ.เรือนจำ ใช้ระเบียบที่มีอยู่ แต่โดยหลักการคนที่เสียหาย รัฐธรรมนูญคุ้มครอง วันนี้ไม่มีใครใหญ่กว่ากฎหมาย และใช้กฎหมายโดยหลักนิติธรรม ต่อข้อถามว่าทำไมย้ายผู้คุมเรือนจำและนักโทษคู่กรณีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ล่าช้า พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป็นอำนาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ สว. จะไปร้องเอาผิดที่ ป.ป.ช. กรณีรับสอบคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษข้อหาฟอกเงิน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มองว่าถูกการเอาคืนหรือไม่ ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า “โจ้ คงไม่มาเอาคืนผม” จนผู้สื่อข่าวต่างประสานเสียงบอก พ.ต.อ.ทวี ว่าเป็นคำถามเรื่อง สว. ไม่ใช่เรื่อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ทำให้ พ.ต.อ.ทวี ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะให้สัมภาษณ์เรื่องของ สว.