เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี แถลงหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี ว่า รพ.รามาธิบดี ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อย่างการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ต้องอาศัยแรงกำลัง ซึ่งต้องขอขอบคุณจริงๆ และขอบคุณบุคลากรของ รพ.ที่ปฏิบัติการแก้ปัญหาได้อย่างมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะกลับมาบริการผู้ป่วยได้เป็นปกติเร็วๆ นี้ ขึ้นกับความพร้อมของอาคารสถานที่
ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ห้องผ่าตัด และห้องคลอดได้ปิดการให้บริการ เนื่องจากผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ ไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่มได้ ซึ่งประตูทางเข้าได้รับผลกระทบ แต่อุปกรณ์ไม่ได้เสียหาย ส่วนห้องที่ได้รับความเสียหายที่สุดได้แก่ห้องรังสีวิทยา และพยาธิวิทยา แต่ตรวจสอบแล้วไม่มีรังสีรั่วไหล ด้านผู้ป่วยได้รับการเคลื่อนย้ายปลอดภัยทุกคน มีเพียงบุคลากร รพ. 1 คน ที่สำลักควัน ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU

ส่วนคลังเลือดได้รับผลกระทบระหว่างดับเพลิงจึงต้องตัดไฟฟ้าทำให้เลือดเสียหายทั้งหมด เพราะทุกอย่างต้องแช่เย็น เมื่อตัดไฟจึงได้รับผลกระทบ สำหรับเคสผ่าตัดที่ใช้เลือดเยอะอาจต้องเลื่อนออกไปก่อน คาดว่าเลือดในคลังที่เสียหายมีปริมาณ 50-100 ยูนิต โดยได้ประสานงานกับสภากาชาดไทยเรื่องการรับบริจาคเลือดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในช่วงนี้หากเลื่อนการผ่าตัดใหญ่ได้ซัก 1-2 วันก็จะดี และใช้คลังเลือดย่อยของศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ไปก่อนในช่วงนี้ หากทุกอย่างเรียบร้อยเรื่องสถานที่ อาจมีการเปิดรับบริจาคเลือดต่อสาธารณะ
ส่วนเรื่องความปลอดภัยทางโครงสร้างของตัวตึกเมื่อตรวจด้วยสายตาในวันนี้แล้ว อาคารยังอยู่ในภาวะปกติ อาจมีพื้นเสียหายจากความร้อนของไฟบ้างเล็กน้อย แต่ต้องระวังไว้ก่อน โดยจะเข้าตรวจสอบวิศวกรรมเชิงลึกอีกครั้ง คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์จะกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ ยกเว้นห้องต้นเพลิงและห้องใกล้เคียง
“พื้นที่ที่กังวลคือ บริเวณชั้น 3 และ 4 มีอุปกรณ์วิเคราะห์ราคาแพง แม้จะไม่ได้รับผลกระทบจากไฟโดยตรง แต่จะมีเรื่องเขม่าที่ขึ้นไป อย่างบางเครื่องมีความละเอียดอ่อนค่อนข้างมาก ยังบอกยากว่าเสียหรือไม่ เพราะบางที่ยังไม่อนุญาตให้เปิดไฟ ยังตรวจสอบไม่ได้ โดยเครื่องมือเหล่านี้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ตรวจเลือด สารเคมีในเลือด ทั้งนี้ต้องทดสอบทีละเครื่องว่า ยังสามารถใช้ได้หรือไม่” คณบดีคณะแพทยศาสตร์ฯ กล่าว
ด้านพิสูจน์หลักฐานกลางเมื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุแล้ว เบื้องต้นเมื่อขึ้นไปดูบนฝ้าอาคารเก่ามีการเดินสายไฟไว้หลายจุด ได้พบสายไฟหลอมละลาย ซึ่งเป็นจุดสปาร์กของไฟต้นเพลิงแล้ว แต่ทั้งหมดต้องตรวจสอบสาเหตุอีกครั้ง
วันเดียวกัน รพ.รามาฯ ยังได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า ได้ทำการอพยพย้ายผู้ป่วยไปยังพื้นที่ปลอดภัย ครบถ้วน 191 ราย และจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีบุคลากรผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสูดเขม่าควัน 1 ราย ขณะเข้าไปช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่รายนี้ได้รับการดูแลอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) และได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ เหตุไฟไหม้ยังกระทบในการให้บริการด้านรังสีวิทยาและพยาธิวิทยา ฝั่งอาคารหลัก (อาคาร 1) โดยเบื้องต้นการให้บริการด้านรังสีวิทยาและพยาธิวิทยาบางส่วนต้องย้ายไปให้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ ทีมวิศวกรรมได้ตรวจสอบแล้วไม่พบการรั่วไหลของรังสี สำหรับด้านการให้บริการทางพยาธิวิทยา ได้แก่ การบริจาคโลหิต ในขณะนี้ ทางคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลขอขอบคุณผู้ที่ประสงค์จะบริจาคแต่เนื่องจากหน่วยคลังเลือดมีพื้นที่ในการรับบริจาคโลหิตอย่างจำกัด อาจจะไม่ได้รับความสะดวก
ทั้งนี้ การเปิดให้บริการหน่วยต่าง ๆ ภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ขั้น 1-9 ฝั่งใต้ ยังคงปิดให้บริการเพื่อทำการระบายกลิ่นและกลุ่มควันออกจากอาคารอย่างต่อเนื่อง ทางคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จะดำเนินการลดจำนวนผู้ป่วย การผ่าตัดผู้ป่วยที่ไม่เร่งด่วนออกไป ภายใน 1-2 วัน โดยหากสามารถดำเนินการได้ปกติจะมีการประกาศต่อไป
ขอขอบคุณความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงบรรเทาสาธารณภัย กำลังจากตำรวจทหารที่เข้ามาช่วยเหลือรวมทั้งสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงที่พร้อมจะรับผู้ป่วยไปดูแลต่อและต้องขอบคุณบุคลากรของคณะฯ ทุกท่านที่ได้เข้ามาช่วยเหลือกันเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยทุกคน บุคลากรทุกท่านทำงานอย่างมืออาชีพตามแผนที่ได้ซ้อมไว้และยังช่วยกันแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจนสามารถกลับมาดูแลผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง.