ยอมถอยเพื่อรุก สำหรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พรรคประชาชน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ขออภิปราย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว มุ่งทุบ “ลูกสาว” กล่องดวงใจเขย่าไปถึง “พ่อ”ที่ล็อคเป้าโดนถล่มของจริง โดย “อ.วันนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร แจ้งฝ่ายค้านให้แก้ไขญัตติฯ ถอดชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกจากญัตติ โดยเฉพาะ วรรคทอง ในญัตติ ระบุตอนหนึ่งว่า “นายกรัฐมนตรีสมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ“
เช่นเดียวกับแกนนำพรรคเพื่อไทย อย่าง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาลก็ตั้งคำถามไปยังฝ่ายค้านว่า “ตั้งใจอภิปรายจริง ๆ หรือไม่ หากฝ่ายค้านไม่แก้ไขญัตติและวาระถูกบรรจุ จะเกิดความวุ่นวายล้านเปอร์เซ็นต์ การอภิปรายบุคคลภายนอก เป็นวัฒนธรรมที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่าสร้างประวัติศาสตร์ผิด ๆ หากไม่แก้ญัตติก็อภิปรายไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่การปกป้องคุณทักษิณ แต่ทำตามระเบียบรัฐสภา”
ล่าสุดเจอ “อ.วันนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร งัดข้อบังคับออกมายันว่า ห้ามอภิปราย “คนนอก” ทำให้ท้ายที่สุดแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่าง “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่ช่วงแรกยืนกราน จะไม่มีการแก้ญัตติ แต่สุดท้ายก็ยอมถอย โดย “หัวหน้าเท้ง” ระบุว่า “ยินดีที่จะยอมปรับคำในญัตติ โดยที่สาระสำคัญยังคงอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้กระบวนการเดินหน้าไปได้ ขณะเดียวกันฝ่ายรัฐบาลก็ต้องให้เวลาเราในการอภิปรายอย่างเต็มที่ขั้นต่ำอยู่ที่ 30 ชั่วโมง”
ดังนั้นจึงเป็นการถอยเพื่อรุก โดยพรรคประชาชน จัดทัพ 20 สส. มาขยี้กล่องดวงใจทันที
หากจะพูดกันตรงๆ การมีชื่อหรือไม่มีชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะหากมีการพูดถึง ปมร้อน ชั้น 14 เป็นที่รู้กันดี และคำตอบของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ก็อยู่แล้ว ว่า “ตัวละครหลัก” หมายถึงใคร??
แต่ถ้า “พรรคประชาชน”ไม่แก้ไขญัตติสุดท้ายก็จะเข้าทางรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ที่จะไม่มีการอภิปรายเกิดขึ้น และฝ่ายที่เจ็บตัวหนักสุด ก็จะเป็น พรรคประชาชน เพราะอาจถูกข้อครหาจากสังคมว่ามีการ เกี๊ยะเซียะ ระหว่าง 2 พรรคนี้หรือไม่ ที่ฉากหน้าทำเป็น ขึงขัง ทะเลาะกัน เอาเป็นเอาตาย แต่เบื้องหลังกลับมีข่าว “ดีลลับ” ออกมาเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะล่าสุด “ดีลลับ บรูไน” ระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” กับ “เสี่ยเอก” ธนารธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ต่อเนื่องจาก “ดีลลับ ฮ่องกง” ในช่วงตั้งรัฐบาล
ซึ่งทั้ง 2 พรรคนี้ ต่อให้มีการหักหลัง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า แต่สุดท้าย “ผู้นำจิตวิญญาณ” ของทั้ง 2 พรรค ก็เป็นผู้คุมอำนาจ ตัวจริง ในการตัดสินใจของพรรค
โดยทิศทางหลังจากนี้ ถือเป็นไฟท์บังคับ ที่พรรคประชาชน ต้องแก้ญัตติฯ เพราะ 1.เพื่อเปิดเวทีให้ พรรคประชาชน ได้โชว์ผลงาน เป็นบทพิสูจน์การประเดิมฝีมือบนเวทีซักฟอก ของ “หัวหน้าเท้ง” ผู้นำฝ่ายค้านครั้งแรกในสภา และ 2.ต้องไม่ให้เกิดข้อครหาถูกมองว่า แค่งานแรกก็มี ปาหี่ เกี๊ยะเซี๊ยะ กันแล้ว ซึ่งเวทีอภิปรายในครั้งนี้จะเป็นการทำคะแนน ต่อเนื่องให้กับพรรคประชาชน ส่งผลให้มีกระแสสังคม มาอุ้ม
เพราะต้องไม่ลืมว่า “พรรคประชาชน” ยังมีชนักปักหลัง ในคดี 44 สส. รออยู่ อย่างน้อยก็มี “กระแสประชาชน” มาโอบอุ้ม ซึ่งจะเป็นตัวช่วยทอดเวลา ต่อลมหายใจ “คดี 44 สส.” ให้ออกไปอีกสักระยะ ไม่ให้ถูกเร่งเครื่อง – เผด็จศึก ตัดตอน โดยไว เหมือนที่มีข่าวลือออกมาหนาหูในตอนนี้.