เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 มี.ค. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำคณะประธานผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) ของหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ และคณะตัวแทนผู้เข้าอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้นำคลื่นลูกใหม่ (YPC) เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาทจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทย ในฐานะผู้ก่อตั้ง YEC เข้าร่วมงานด้วย

โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวมอบนโยบาย ว่า รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้พบกับทุกคนและขอบคุณ เชื่อว่าหลายคนเดินทางมาไกล จึงอยากให้ได้รับความประทับใจจากการพูดคุยกลับไป ส่วนข้อเสนอที่ตัวแทนออกมาพูดได้แนวความคิดหลายอย่าง และสิ่งที่ตนคิดและสนับสนุนตลอดคือการเรียนรู้ไม่ว่าอายุเท่าไร ไม่สำคัญก็มีสิทธิเรียนรู้ ซึ่งนายกฯ จะได้เห็นแง่มุมของแต่ละจังหวัด เพราะอยู่กรุงเทพฯ จะรู้ดีกับคนจังหวัดนั้นไม่ได้ และขั้นตอนแรกคือต้องเปิดใจรับฟังความเห็น ไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่จะเปิดใจหรือไม่ จึงจะเป็นสิ่งที่เริ่มต้นที่ดี

นายกฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลพยายามสื่อสารเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสิ่งสำคัญคือทำงานแบบบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งเอกชน รัฐบาล และประชาชน ทั้งสามส่วนนี้ต้องร่วมมือกัน เพราะเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวกับปากท้องและประเทศชาติ ที่ทุกคนต้องช่วยกัน เรามองภาพว่ารัฐบาล ประชาชน เอกชน คือหุ้นส่วนกัน ขาใดจะอ่อนแอไม่ได้ รัฐบาลมุ่งทำอย่างเดียวโดยไม่อาศัยความช่วยเหลือเอกชนไม่ได้ เศรษฐกิจจะไม่โต

และวันนี้รู้สึกดีที่ได้มาเห็นเจเนอเรชันที่ต่อมาจากรุ่นก่อนและนำมาขยายต่อยอดจากคนรุ่นเก่าทำไว้แล้ว ตรงนี้สำคัญมาก เพราะเวลามุ่งมั่นกับอะไรและได้ลงมือทำเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้  ซึ่งจะมีความหมายให้เกิดผลได้อย่างชัดเจน เมื่อหลายคนมีไอเดียที่ดี รัฐบาลจะได้เรียนรู้ได้ ถือเป็นไอเดียที่ดีที่เสนอให้พบเจอกันมากขึ้นในลักษณะกลุ่มที่ไม่ใหญ่เกินไปเพื่อรับฟังความเห็นครบ เพราะการประชุมห้องใหญ่เป็นไปตามพิธี แต่ไม่ได้ความคิดเห็นแนวคิดจริงๆ เพื่อให้รัฐบาลรับฟังว่าแต่ละจังหวัดและแต่ละพื้นที่ที่ผ่านการคุยกันมาแล้วมีอะไรที่จะเป็นแนวคิดให้ประเทศชาติพัฒนาไปในทางที่ได้ใจประชาชนและเกิดผลแท้จริงเมื่อฟังและก็อย่าทำขอไปพิจารณาพิจารณาว่าจะทำอะไรได้บ้าง

นายกฯ กล่าวอีกว่า ในประเทศมีเอสเอ็มอี 75% กระทรวงการคลัง จึงมีนโยบายออกมา รัฐบาลจะต้องช่วยเหลือ เมื่อประเทศเกิดวิกฤติ เอสเอ็มอีจะได้รับผลกระทบ รัฐบาลจึงเน้นย้ำเพื่อให้ฟื้นกลับมาและลืมตาอ้าปากได้ มิฉะนั้นเมื่อเจอวิกฤติแล้วสายป่านไม่ยาวพอลงทุนน้อยก็จะหมดไป รัฐบาลมองเห็นความจำเป็นตรงนี้และเห็นให้สนับสนุนต่อไป ขอให้กำลังใจทุกคนว่าทุกคนเป็นกำลังสำคัญที่จะพัฒนาประเทศชาติให้พัฒนาต่ออย่างยั่งยืนและมั่นคง และต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแรงและมั่นคงได้.