สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ว่า คณะตุลาการศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) หรือศาลอาญาโลก เบิกตัวนายโรดริโก ดูเตร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ให้การครั้งแรก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในฐานะจำเลยคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ จากการใช้นโยบายสงครามยาเสพติด


แม้เป็นการไต่สวนผ่านระบบทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ใช่การขึ้นศาลด้วยตัวเอง ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่เป็นไปตามการอนุญาตของศาล เนื่องจากดูเตร์เต วัย 79 ปี ใช้เวลาเดินทางนานกว่าจะมาถึงกรุงเฮก นับตั้งแต่ถูกจับกุม เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา

น.ส.ซารา ดูเตร์เต รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ปราศรัยท่ามกลางประชาชนฝ่ายสนับสนุน หน้าศาลอาญาโลก ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์

ทั้งนี้ ดูเตร์เต วัย 79 ปี ซึ่งเป็นอดีตผู้นำจากประเทศในเอเชียคนแรก ซึ่งต้องขึ้นศาลอาญาโลก ยืนยันข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเองต่อผู้พิพากษา ส่วนกำหนดการขึ้นศาลครั้งต่อไปของอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ คือในวันที่ 23 ก.ย. นี้


ด้านนายซัลวาดอร์ มีไดอัลเดีย ทนายความของดูเตร์เต กล่าวว่า ลูกความ “ถูกลักพาตัว” มาจากฟิลิปปินส์ และยืนยันว่า ดูเตร์เตกำลังมีปัญหาทางสุขภาพอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม อัยการโต้แย้งว่า แพทย์ประจำไอซีซียืนยันว่า อดีตผู้นำฟิลิปปินส์ “แข็งแรงเพียงพอ” ที่จะขึ้นศาลด้วยตัวเอง


ขณะที่ น.ส.ซารา ดูเตร์เต รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นบุตรสาวของดูเตร์เต เดินทางมาเยี่ยมบิดาถึงกรุงเฮก และกล่าวกับมวลชนฝ่ายสนับสนุน ที่เป็นชาวฟิลิปปินส์ซึ่งอาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์ ว่าอดีตผู้นำฟิลิปปินส์แข็งแรงและมีกำลังใจเต็มเปี่ยม


แม้ฟิลิปปินส์ถอนตัวออกจากการเป็นภาคีของธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศในการก่อตั้งไอซีซี แต่ไอซีซียืนยัน “การมีขอบเขตอำนาจศาลที่ครอบคลุม” เนื่องจากการเกิดเหตุอยู่ในช่วงที่ฟิลิปปินส์ยังเป็นสมาชิกไอซีซี


นายคาริม ข่าน อัยการสูงสุดของไอซีซี กล่าวว่า การจับกุมอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ นอกจาก “มีความสำคัญ” และเป็นการพิสูจน์ให้ทุกภาคส่วนได้ประจักษ์ ว่า “กฎหมายระหว่างประเทศไม่ได้อ่อนแออย่างที่หลายคนปรามาส”


ก่อนหน้านั้น ดูเตร์เตเผยแพร่คลิปแถลงการณ์ ว่าในฐานะที่เป็นผู้สั่งการ เขาจะปกป้องทหารและตำรวจทุกนายซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสงครามยาเสพติดครั้งนี้อย่างสุดความสามารถ ปฏิบัติการทุกอย่างที่เกิดขึ้น “คืองาน” และตัวเขาซึ่งเป็นผู้นำในเวลานั้น “ต้องรับผิดชอบ”


อีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งจับตาอย่างใกล้ชิด และแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับ “ความสองมาตรฐาน” และ “การแทรกแซงทางการเมือง”.

เครดิตภาพ : AFP