เริ่มเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2/2564 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นมา ได้เกิดเหตุการณ์องค์ประชุมสภาฯล่มในวันแรก ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลนั่งในห้องประชุมกันโหรงเหรง จนประธานในที่ประชุมต้องชิงปิดการประชุมไปก่อน ส่อให้เห็นถึงสัญญาณอันตรายของรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า คงจะจบไม่สวย!!

สภาฯล่มครั้งนี้โชว์ให้เห็นถึงวินัยและการทำหน้าที่ของ ส.ส. ที่ไม่เหมาะสมกับเงินเดือนที่มาจากภาษีของประชาชน แต่อย่าลืมว่าอีกไม่นานสภาฯชุดนี้จะหมดลง หากนับจากเดือน ม.ค.2562 วาระของสภาฯจะอยู่ได้ไม่เกินเดือน มี.ค.2566 นั่นหมายถึงเวลาที่เหลืออยู่อีกเพียง 1 ปีเศษเท่านั้นเองในทางการเมือง ซึ่งระยะ 1 ปีเศษนี้มีโอกาสที่จะเกิด “อุบัติเหตุ” ทางการเมืองได้

ท่ามกลางฝ่ายค้านที่แข็งขันลุยไล่บี้รัฐบาลอย่างถึงพริกถึงขิง ซึ่งตอนนี้กำลังปลุกปั้นประเด็น เตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ รุมถล่มฉายภาพการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาดของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งเรื่องโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาราคาน้ำมันแพง นอกจากนี้ ยังมีประเด็นร้อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และกฎหมายสำคัญต่างๆ ที่กำลังจะเข้าสภาฯอีกเพียบ นี่คือสิ่งที่รอการพิสูจน์ว่า สนิมเนื้อในรัฐบาล มันคือแรงเสียดทานที่รัฐบาลอาจจะอยู่ไม่ครบวาระ

ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากเหตุผลรอยร้าวภายในพรรคพลังประชารัฐ บวกกับที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ โดนคดีจนต้องหลุดพ้นจากเก้าอี้ ส.ส. และ ประธานวิปรัฐบาล หัวเรือใหญ่ในการคุมเกมคุมเสียงในสภาฯ และกว่าจะได้คนใหม่เข้ามาทำหน้าที่นี้แทนก็ทำเอาเสียเวลาไปหลายวัน ซึ่งคนที่เข้ามารับหน้าที่นี้ คือ นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ แต่ด้วยฝีปากเร่าร้อนก็เปิดฉากตอบคำถามสื่อมวลชนถึงปัญหาสภาฯล่มไว้ว่า “ต้องเห็นใจผู้แทน เราไม่ได้ขี้เกียจสันหลังยาว เพราะร่างกายแต่ละคนแข็งแรงไม่เหมือนกัน การทำงานแบบนี้ตนคิดว่าบางทีเกินอายุขัย ต้องเห็นใจ และขอให้ประชาชนเข้าใจ ทุกคนเหน็ดเหนื่อย บางทีตาลาย เออเร่อ ฮิวแมนเออเร่อ” ประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ ระบุ

ประกอบกับที่ฝ่ายค้านพยายามย้ำเตือนมาหลายต่อหลายครั้งว่า นายกฯและรัฐมนตรีคนอื่นๆ ควรมาตอบกระทู้สดในสภาฯบ้าง ฝ่ายค้านตั้งใจนำปัญหาประชาชนมาหารือในสภาฯ และต้องการคำตอบจากพวกท่านทั้งหลาย แต่กลับทำตัวบ้าใบ้ไร้ตัวตน ส่งตัวแทนมาชี้แจงแทน จนทำให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่ตั้งกระทู้ถามปัญหาราคาข้าวตกต่ำรู้สึกเหลืออดแทนประชาชน หว่านข้าวเปลือกลงบนพื้นห้องประชุมสภาฯ 

อย่าลืมว่าการแก้ไขปัญหา 7 ปีของรัฐบาล “บิ๊กตู่” ทั้งจากคสช. และรัฐบาลปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อประชาชนล้วงกระเป๋าเข้าไปกลับไม่เจอแม้แต่เศษเงิน และยิ่งมาเจอกับภาวะข้าวยากหมากแพงอีก ที่ข้าวสารมีราคาถูกกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นี่จะเป็นตัวฉุดรั้งความศรัทธาของรัฐบาลที่จะไปต่อ ก็คงจะยากเย็นเต็มที แต่คนที่เดือดร้อนคือประชาชนตาดำๆ.