เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าตรวจยึดพื้นที่ ภ.บ.ท.5 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแควระบมและป่าสียัด ของบริษัท มูซังคิง แพลนเทชั่น จำกัด พื้นที่บ้านเขากล้วยไม้ หมู่ 14 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา โดย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผวจ.ฉะเชิงเทรา มอบหมายให้ นายพัชร์ภารุจ สุคนธร ผอ.สนง.ทสจ.ฉช. นำกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบมีการบุกรุกพื้นที่ ภ.บ.ท.5 เนื้อที่ 336-2-90 ไร่ จึงได้ตรวจยึดโรงเรือนและเครื่องสูบน้ำ ภายหลังมีการแจ้งความดำเนินคดี ข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และทำลายป่าไม้ กับ สภ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.ท.มงคล จันทร์พลอย รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรท่าตะเกียบ ถึงเรื่องการดำเนินคดีนี้ว่า ขณะนี้บริษัทที่ถูกกล่าวหา ยังไม่ได้เข้ามาให้ปากคำแต่อย่างใด ในส่วนของการดำเนินคดี มีประชาชนจำนวน 10 ราย ที่มีภูมิลำเนาที่จังหวัดตราดและจังหวัดจันทบุรี ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองที่ดิน ขณะนี้ได้ทำการสอบปากคำไปแล้ว 3 ราย ซึ่งทั้ง 3 รายนี้ ทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทแห่งหนึ่งกว่า 40 ปี ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำงานอยู่กับบริษัทเดิมในพื้นที่ จ.จันทบุรี อย่างไรก็ตามทั้ง 3 ราย ให้การเหมือนกันว่าไม่รู้มาก่อนว่า ตัวเองมีชื่อในการถือครองที่ดินดังกล่าว เชื่อว่าน่าจะถูกเอาชื่อไปสวมสิทธิอย่างแน่นอน

ขณะที่อีก 7 ราย อยู่ระหว่างการติดตาม เนื่องจากว่าแต่ละคนมีที่อยู่หลายพื้นที่ ทำให้ติดตามตัวลำบาก ทางสถานีตำรวจภูธรท่าตะเกียบ ได้ส่งข้อมูลไปให้สถานีตำรวจในพื้นที่ช่วยติดตาม ซึ่งทางตำรวจขณะนี้ อยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ซึ่งต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องและรัดกุมและเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เมื่อสอบถามไปยังสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 สาขาปราจีนบุรี เกี่ยวกับเรื่องการเอาชื่อชาวบ้านจังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด มาสวมสิทธิในพื้นที่ ทาง “คทช.” ได้ข้อมูลว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลทั้งหมด เพื่อที่จะรายงานที่ประชุม คทช. ในวันที่ 21 มี.ค. 68 นี้