เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมรัฐสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยช่วงท้ายของการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง ขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2)  ก่อนการลงมติตัดสิน

นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายปิดญัตติตอนหนึ่งว่า การยื่นญัตติดังกล่าว คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน เพื่อรอความชัดเจน ซึ่งไม่ถึงขั้นเตะถ่วง แต่สะดุดเพื่อให้ได้สิ่งที่ดี ส่วนที่กล่าวหาว่ากลัวศาล ไม่กล้าหาญ สยบยอมกับอำนาจที่ไม่ใช่อำนาจของประชาชน ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีมานาน ใช้ความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว มาทีหลังก็โดนเหมือนกัน คำพระบอกว่า ความกล้าหาญควรเสมอด้วยปัญญา ปัญญาควรเสมอด้วยสติ

“หากไม่มีปัญญาและสติ รบร้อยครั้งก็แพ้ ผมเคยทำงานกับทหาร เขาคัดคนไปรบ ไม่เอากล้าหาญ แต่โง่เพราะรบแพ้หมด เขาต้องเอาคนที่ฉลาดๆ นอกจากนั้นต้องมีสติ ต้องเย็นพอ ต้องรู้ว่าเวลาที่ควรใช้ประมาณไหน และอดทนให้ได้ แยกแยะมิตรศัตรูให้ออก คำว่าสติขอฝาก การแก้รัฐธรรมนูญสู้กับใคร คิดให้ดี ว่าควรตำหนิพวกเรา ศาล หรือฝ่ายไหนลองคิดให้ดี หากเลือกมิตร เลือกศัตรู คนร่วมทางถูก ติพองามไม่ทำร้ายกัน ท่านจะมีมิตรร่วมเดินทาง ไม่เช่นนั้นเป็นมวยหลงมุม ไก่หลงตีตัวเองแพ้หมด” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน อภิปรายว่า ปัญหาของการแก้รัฐธรรมนูญ คือ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ หากเดินหน้าแก้ไขมาตรา 256 ใช้สติปัญญา คิดว่าจะมีคนยื่นตีความหรือไม่ หากมีคนยื่นตีความจะมีปัญหา หากมีปัญญาพอ แก้ปัญหาให้จบ เดินวันนี้ไม่สะดุดอีก ดังนั้นเพื่อป้องกันคนจะเล่นงานหลายๆ ด่าน คือการใช้สติและปัญญา ส่วนความกล้าหาญต้องต่อสู้ ทั้งนี้ ประชาธิปไตยไม่ใช่รถด่วน การต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่ต่อสู้และแพ้ บอกให้รู้ว่ากล้าหาญอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีกลยุทธ์ ลมเปลี่ยนทิศต้องเปลี่ยนหัวเรือ เพื่อหลบลม ไม่ให้เรืออับปาง และไปสู่เป้าหมาย ไม่ใช่สู้ลม แบบนี้ไม่ใช่สู้เพื่อประชาธิปไตย

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้อภิปรายตอบโต้ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญตีความออกมา จะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ สส.พรรคร่วมรัฐบาลจะเห็นด้วย ตนขอให้คำมั่นที่สะท้อนปัญญาให้สมาชิกรัฐสภา ทั้งนี้ตนดีใจที่นายสุทิน ระบุว่าจะตัดหางสุนัขไม่ยัดปากใครบางคน แต่หากเขาเอาหางสุนัขมารัดคอ ซึ่งตนช่วยเอาออก แล้วเดินหน้าไปด้วยกันได้ ตนยืนยันในความกล้าหาญมีสติปัญญา แต่ท่านจะไม่มีปัญญาแก้รัฐธรรมนูญ

หลังจากอภิปรายยาวนานมา 5 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 304 เสียง ไม่เห็นชอบ 150 เสียง งดออกเสียง 124 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ให้ส่งญัตติไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธาน ได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 17.36 น.