เมื่อวันที่ 17 มี.ค. หลังจากเดลินิวส์ นำเสนอข่าวผู้โดยสารหยิบกระเป๋าผิดจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปถึงญี่ปุ่นกลายเป็นบรรจุกัญชา น้ำหนัก 24 กก. เมื่อตรวจสอบพบว่า เจ้าของกระเป๋าที่บรรจุกัญชา เป็นของชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาจากสนามบินสุราษฎร์ธานีไปยัง สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดียวกันด่านศุลกากรเกาะสมุย ประจำท่าอากาศยานนานาชาติเกาะสมุย ได้ตรวจยึดดอกกัญชา ซึ่งถูกบรรจุถุงสูญญากาศ ถุงละ 1 กก. บรรจุไว้ในกระเป๋ากระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ แล้วมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นผู้นำติดตัวขนาดเตรียมขึ้นไฟลต์บินออกไปยังต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 12-15 มีนาคม
โดยสามารถตรวจยึดกระเป๋าเดินทางได้จำนวน 22 ใบ ดอกกัญชา 479 กก. ผู้ต้องหา 13 คน ดำเนินคดีในข้อหาตามความผิดพยายามส่งออกสมุนไพรควบคุม (ช่อดอกกัญชา) โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยศาลจังหวัดเกาะสมุย ได้พิพากษาลงโทษจำคุกผู้ต้องหา เป็นเวลา 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ไปแล้ว 9 ราย ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า วันที่ 17 มี.ค. พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า หลังการตรวจยึดที่ด่านศุลกากร ประจำท่าอากาศยานเกาะสมุย ชุดสืบสวน สภ.บ่อผุด ร่วมกับชุดสืบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้เร่งออกหาพยานหลักฐานเพื่อหาที่มาของดอกกัญชา เนื่องจากเป็นการตรวจยึดได้จำนวนมาก และมีพฤติการณ์เป็นขบวนการ จากการสอบสวนปากคำผู้ต้องหา ทั้งหมดอ้างว่า ได้รับการว่าจ้างจากชาวอังกฤษด้วยกัน ให้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย ที่ อ.เกาะสมุย โดยทางผู้ว่าจ้างได้ดำเนินการจองเที่ยวบิน ที่พักรวมถึงค่าใช้จ่ายในการอาศัยอยู่ในประเทศไทย และเมื่อครบกำหนดกลับ ก็จะต้องหิ้วกระเป๋าเดินทาง ซึ่งจะมีผู้นำมามอบให้ที่โรงแรมที่พัก นำขึ้นเครื่องไปลงยังสนามบินปลายทาง
“ปัจจุบันกัญชาหรือดอกกัญชา ได้ถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 ไปเป็นพืชสมุนไพรควบคุม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้มีอำนาจใช้กฎหมายในการอนุญาตให้ใช้, นำเข้าหรือส่งออก ซึ่งตำรวจมีอำนาจใช้กฎหมายไปตรวจจับได้ แต่ภายหลังที่พบว่ามีความพยายามลักลอบนำดอกกัญชาออกนอกราชอาณาจักร ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้มีการประสานงานร่วมกันทั้งในส่วนของด่านศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง และสาธารณสุขจังหวัด ในการควบคุมดูแลเพื่อป้องกันการละเมิดกฎหมาย โดยด่านศุลกากร ได้ใช้ข้อบังคับในการตรวจยึดสินค้า และใช้ พ.ร.บ.ควบคุมและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 และประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ดำเนินคดีกับผู้ลักลอบขนดอกกัญชาออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งผู้ที่ละเมิดกฎหมายในส่วนนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนความผิดอื่นๆ เราไม่สามารถแจ้งข้อหาได้ แต่เพื่อเป็นการป้องกันการลักลอบนำออกราชอาณาจักร และหาแหล่งที่มาของดอกกัญชาลอตดังกล่าว ได้มีการสืบสวน ระบุว่าดอกกัญชาที่ตรวจยึดได้ระหว่างวันที่ 12-14 มีนาคม มีชาวไทย 2 คน นำกระเป๋าเดินทางซึ่งบรรจุดอกกัญชาไปส่งมอบให้กับผู้ต้องหาตามโรงแรมที่พัก และพบเบาะแสยานพาหนะที่ใช้ก่อเกิดเหตุ ว่าเดินทางมาจากทางภาคกลาง
ส่วนกรณี การจับกุมเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พบว่านักท่องเที่ยวทั้ง 4 ราย เดินทางด้วยเครื่องบินพร้อมกระเป๋าเดินทางมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ มาลงที่สนามบินเกาะสมุย จึงเป็นไปได้ว่าแหล่งที่มาของดอกกัญชาทั้งหมด จะมาจากพื้นที่ภาคกลาง โดยใช้สนามบินตามภูมิภาค เดินทางออกนอกประเทศ นอกจากนั้นยังพบว่าในส่วนของภาค 8 ได้มีการตรวจยึดดอกกัญชาในลักษณะเดียวกัน ที่สนามบินกระบี่ และภูเก็ต ขณะนี้ได้มีการประสานข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์หาแหล่งที่มา พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.ว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้ง 13 ราย พบว่าทั้งหมดไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง บางรายไร้บ้าน และเป็นการเดินทางเข้าประเทศไทยครั้งแรก และจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดได้รับการสารภาพว่า ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว มีผู้ดำเนินการจองที่พัก ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด รวมถึงทราบว่าขณะเดินทางกลับจะต้องนำกระเป๋าเดินทางกลับไปด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าลักษณะม้าเร็ว ทำหน้าที่ขนกระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่อง ส่วนสาเหตุที่กระบวนการลักลอบส่งออกกัญชา ใช้สายการบิน เนื่องจากอาศัยช่องว่างของกฎหมายเกี่ยวกับนโยบายพรีวีซ่า ซึ่งลดขั้นตอนในการเดินทางเข้าออกประเทศไทยตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งตรวจคนเข้าเมืองจะได้ขึ้นบัญชีดำนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมหรือประวัติต้องโทษในลักษณะดังกล่าวต่อไป