สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่า นายกรัฐมนตรีอาบีย์ อาเหม็ด อาลี กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า การเสียสละเป็นสัจธรรม และท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ การเสียสละนั้นจะช่วยกอบกู้เอธิโอเปีย ประเทศที่ฝ่าฟันบททดสอบและอุปสรรคมาแล้วมากมาย แล้วผ่านพ้นมาได้ทุกครั้ง เพราะความร่วมแรงร่วมใจของประชาชนในประเทศ ซึ่งมากกว่าผู้ที่หันหลังให้กับบ้านเมือง


ขณะที่กระทรวงข่าวสารของเอธิโอเปียออกแถลงการณ์ว่า สำหรับชาวเอธิโอเปียทุกคน การสละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตย ความเป็นปึกแผ่น และอัตลักษณ์ของชาติ “ถือเป็นเกียรติ” หากปราศจากการเสียสละของชาวเอธิโอเปีย ก็จะไม่มีความเป็นเอธิโอเปียในวันนี้ และวิจารณ์การที่กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาล 9 กลุ่ม รวมถึงแนวร่วมปลดปล่อยชาวทิเกรย์ ( ทีพีแอลเอฟ ) ที่ทำสงครามกันมานานกว่า 1 ปี จับมือร่วมกันเป็นพันธมิตร ว่า “เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อ”

นายกรัฐมนตรีอาบีย์ อาเหม็ด อาลี และนางไซนาช ทายาชูว์ ภรรยา


ด้านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงแอดดิสอาบาบาประกาศให้เจ้าหน้าที่การทูต ซึ่งไม่มีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วนในเอธิโอเปีย ให้เดินทางออกนอกประเทศ เพียงวันเดียวหลังมีคำแนะนำแบบเดียวกันนี้ให้แก่พลเมืองสหรัฐที่ยังอยู่ในเอธิโอเปีย โดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์ความไม่สงบในสังคม และความรุนแรงทางชาติพันธุ์ “มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน” หากสถานการณ์ทวีความรุนแรง การดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนทั่วไปจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก


ในเวลาเดียวกัน มีรายงานว่า นายเจฟฟรีย์ เฟลต์แมน ผู้แทนพิเศษด้านกิจการแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐบาลสหรัฐ ยังไม่ประสบความสำเร็จในการเจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเอธิโอเปีย ซึ่งปฏิเสธข้อเสนอให้เจรจากับทีพีแอลเอฟ “อย่างไม่มีเงื่อนไข” เนื่องจากรัฐบาลแอดดิสอาบาบาขึ้นบัญชีดำทีพีแอลเอฟ “เป็นกลุ่มก่อการร้าย” และยื่นคำขาดให้ทีพีแอลเอฟและแนวร่วมต้องถอนกำลังออกจากภูมิภาคอัมฮารา สถานที่ตั้งของกรุงแอดดิสอาบาบา โดยเร็วที่สุด.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES