เมื่อวันที่ 18 มี.ค. เวลา 09.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมคณะกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไปเยือนมณฑลซินเจียง ประเทศจีน เพื่อติดตามความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ 40 คนที่ถูกส่งจากประเทศไทยกลับไปประเทศจีน ว่า การพิจารณาส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ว่าในรอบ 10 กว่าปี ประเทศไทย น่าจะทำผิด ทรมานเรื่องของการทรมานและการกระทำที่โหดร้าย ตามกฎหมายป้องกันการทรมานและการอุ้มหาย และรัฐบาลไทยต้องแก้ไขปัญหา ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจส่งกลับประเทศจีน แต่ในกฎหมายการส่งกลับหากเชื่อว่าจะส่งไปทรมานหรือโดนกระทำที่โหดร้าย หรือทำให้สูญหาย ประเทศไทยก็จะมีความผิด จะเห็นได้ว่าอยู่ในประเทศไทย รัฐบาลก็เสี่ยงที่จะกระทำความผิด แต่เมื่อส่งกลับประเทศจีนก็ได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นจดหมายทางการทูตและเพื่อให้เกิดความมั่นใจ รัฐบาลจีนก็เชิญชวนให้รัฐบาลไทยไปตรวจสอบได้ว่าที่ส่ง กลับมายังประเทศจีนไม่ได้อยู่ในสภาพที่ทรมาน
เมื่อถามว่าการตัดสินใจส่งกลับจีน เป็นเพราะไทยเราถูกบีบจากหลายภาคส่วนใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราคำนึงจากหลักมนุษยธรรมและความเป็นมนุษย์ อีกทั้งเรามีขีดจำกัดในเรื่องของข้อกฎหมาย เพราะหากจะปล่อยเขา เราก็ทำผิดกฎหมายของไทย ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาในเรื่องนี้แล้วว่าการส่งกลับไป เขาจะไม่ได้รับการทรมานหรือถูกฆาตกรรม อีกทั้ง ประเทศไทยมีอำนาจอธิปไตย และเราคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม หากปล่อยสภาพเช่นนี้ไป เขาก็จะถูกทรมานไปเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าชาวอุยกูร์ที่จีนนำมาให้พบเป็นตัวจริงใน 40 คนที่ไทยส่งกลับไปล่าสุด พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรามีเจ้าหน้าที่ ตม.ไปด้วย ที่ดูแลชาวอุยกูร์และอยู่ด้วยกันมาตลอด 10 ปี และเขาก็มีความรู้จักกันเป็นอย่างดี
ต่อข้อถามว่าจะมีการพบชาวอุยกูร์ที่เคยส่งไปในปี 2557 ด้วยหรือไม่นั้น ในการเดินทางครั้งนี้จากการสอบถาม ทางการจีนได้มีการเชิญชวนเข้ามาประมาณ 10 คน ซึ่งทางรัฐบาลจีนส่งให้ สมช.ดูเป็นวิดีโอและรูปภาพยืนยัน และสมช.ส่งต่อให้ ตม. และสิ่งนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คนตัดสินใจกลับประเทศจีน และทาง ตม. ยืนยันว่าเค้าจำได้ทั้งหมดทั้งกลุ่มแรกที่ส่งไปและกลุ่มสองที่เพิ่งส่งกลับไปประเทศจีน
เมื่อถามว่าการไปจีนและนำข้อมูลมายืนยันว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้ปลอดภัยดี จะทำให้ชาติตะวันตกเข้าใจมากขึ้นหรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ไทยได้รับการยอมรับและเข้าเป็นอนุสัญญาการอุ้มหาย ซึ่งเป็นประเทศไม่กี่ประเทศ ที่สหประชาชาตินั้นยอมรับ โดยสหประชาชาติเคยระบุว่าคนที่อยู่ในห้องกักขังเข้าข่ายทรมาน จึงอยากให้เข้าใจการตัดสินใจของรัฐบาลไทย ซึ่งเราไม่ได้ให้น้ำหนักไปยังประเทศใดหรือประเทศหนึ่ง แต่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของชาวอุยกูร์
เมื่อถามว่าหลักฐานที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ จะสามารถทำให้สหรัฐ ชะลอมาตรการจำกัดวีซ่าแก่เจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ประเด็นนี้อาจอยู่นอกเหนือการเดินทางไปจีนแต่กระทรวงการต่างประเทศต้องทำความเข้าใจ ซึ่งเราเคารพในทุกมุมมองของแต่ละประเทศ ซึ่งดูจากถ้อยแถลงของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย จะเข้มงวดกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการส่งกลับชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน แต่ไม่ได้เป็นการห้ามออกวีซ่าให้ อีกทั้งรัฐบาลไทยถูกตำหนิมาตลอดว่าปล่อยให้ชาวอุยกูร์ 40 คน อยู่ในสภาพที่ทรมาน